Homebright

Bright

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะค่ะ:D
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เรื่องที่รู้ไว้ก็ดี แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เรื่องที่รู้ไว้ก็ดี แสดงบทความทั้งหมด

วันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2556

ข้าวโพดสีม่วง "ต้านมะเร็ง และชะลอแก่"



ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรจังหวัดตรัง ประสบความสำเร็จในการพัฒนาและปลูกข้าวโพดเหนียวพันธุ์แฟนซีสีม่วง 111 และพันธุ์สีขาวม่วง 212 พบคุณสมบัติเยี่ยมด้านการต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดโอกาสการเกิดโรคมะเร็ง เตรียมเก็บเมล็ดพันธุ์ที่ผลิตได้รุ่นแรก เพื่อแจกจ่ายแก่เกษตรกรที่สนใจ
จากการพัฒนาสายพันธุ์มาจาก ข้าวโพดสีม่วงผสมกับข้าวโพดเหนียว ทำให้ได้ข้าวโพดเหนียวสีม่วง ที่มีฝักใหญ่ รสชาตินุ่มลิ้น หวานและเหนียว โดย สีม่วงเข้มในเมล็ดนั้น เป็นสารแอนโทไซยานิน ซึ่งมีคุณสมบัติในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคมะเร็งชนิดเนื้องอก เสริมให้ร่างกายต่อต้านเชื้อโรคและสมานแผล เสริมการทำงานของเม็ดเลือดแดง ชะลอการเกิดไขมันอุดตันในหลอดเลือด ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและชะลอความแก่

         ทั้งนี้ ข้าวโพดแฟนซีสีม่วง กำลังได้ความสนใจจากเกษตรกร ซึ่งทางศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดตรัง จะส่งเสริมให้เกษตรกรนำไปปลูกในไม่ช้านี้ ซึ่ง เชื่อว่าข้าวโพดเหนียวสีม่วงนี้ จะเป็นที่นิยมรับประทานเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีรสชาติดี คุณค่าทางอาหารสูง และเหมาะสำหรับคนรักสุขภาพ

วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ผมหงอกก่อนวัย


สาเหตุที่ผมขาวก่อนวัย เกิดได้จาก
1.โรคที่บริเวณศีรษะ เช่น ด่างขาว ผมร่วงเป็นหย่อม ซึ่งจะทำให้เกิดผมขาวอย่างผิดปกติ เป็นหย่อมๆ หรือทั่วทั้งศีรษะ ซึ่งควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง
2.ไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะในรายที่ผมขาวก่อนวัย เช่น ในคนเอเชียจะถือว่า หากผมขาวก่อนอายุ 25 ปี ถือว่าเป็นผมขาวก่อนวัย ซึ่งยังไม่มีคำอธิบายอย่างชัดเจนว่าเกิดจากอะไร แต่ส่วนหนึ่งมาจากกรรมพันธุ์ ทั้งนี้ตามปกติเซลล์สร้างเม็ดสีจะผลิตลดลงเรื่อยๆ ทุก 10-20 ปี ทำให้เกิดผมขาวขึ้น 
เนื่องจากไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน การป้องกันจึงยังไม่มีวิธีเฉพาะเจาะจง แต่พบว่า การพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกาย ไม่เครียดมาก ไม่สูบบุหรี่ อาจจะช่วยได้ เพราะหากร่างกายเกิดความเครียด หรือเจ็บป่วย จะทำให้เซลล์เม็ดสีเสื่อมสมรรถภาพมากขึ้นได้ 
ส่วนการกินวิตามินเสริม จำเป็นเฉพาะในรายที่ขาดวิตามินเท่านั้น ส่วนคนทั่วไปจะได้รับวิตามินจากอาหารที่รับประทานเข้าไปอยู่แล้ว หากไม่ได้อยู่ในภาวะขาดวิตามิน ก็ไม่มีความจำเป็นต้องกินวิตามินเสริมแต่อย่างใด 
 สำหรับเรื่องผมร่วงนั้น มีข้อสังเกตง่ายๆ ว่ามีภาวะผมร่วงหรือไม่ ให้ดูว่าร่วงเกินวันละ 100 เส้นหรือไม่ เส้นผมลีบเล็กกว่าเดิมหรือเปล่า และหนังศีรษะมันจนต้องสระบ่อยๆ ใช่ไหม
ความเครียด เป็นสาเหตุที่กระตุ้นให้ต่อมไขมันสร้างน้ำมันมากเกินไป จนไปอุดตันรากผม ทำให้รากผมตีบตันขาดสารอาหารไปหล่อเลี้ยง เส้นผมจึงหลุดร่วงง่าย
การแก้ไขเบื้องต้นคือ บริหารความเครียดให้ลดลง เลือกกินวิตามินและแร่ธาตุ ซึ่งช่วยบำรุงรากผมและเส้นผมให้แข็งแรงขึ้น เช่น ธาตุเหล็ก ไอโอดีน สังกะสี แมกนีเซียม เซเลเนียม ที่มีอยู่ในอาหารทะเล รวมทั้งวิตามินบี และวิตามินบี 5 ที่มีในเนื้อ ตับ ถั่ว และมันฝรั่ง ส่วนไขมันก็ต้องบริโภคบ้าง อาทิ ไข่แดง และน้ำมันตับปลา รวมถึงเนยธรรมชาติ 
 ถ้ามีปัญหาหนังศีรษะมันมาก มีสะเก็ดรังแคก็ควรใช้แฮร์โทนิกควบคู่ด้วย โดยแฮร์โทนิกควรมีคุณสมบัติในการละลายไขมันที่อุดตันรากผม มีสารที่ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดบริเวณหนังศีรษะดีขึ้น และมีสารอาหารที่ช่วยบำรุงรากผมและหนังศีรษะ
ควรเลือกใช้แชมพูที่มีสูตรอ่อนโยน สระได้ทุกวัน หลีกเลี่ยงเส้นผมจากสารเคมีที่เข้มข้นจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นสารเคมีย้อมผม แชมพู มอยส์เจอไรเซอร์ ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม และเลี่ยงการใช้ความร้อนกับเส้นผม เช่น แสงแดดแรงๆ การเป่าร้อน รีดผมด้วยความร้อน การทำเซาน่า
 หากอยากบำรุงเส้นผมควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันเมล็ดอัลมอนด์ ป้องกันเส้นผมจากแสงแดดด้วยหมวกหรือร่ม 
 ทำความสะอาดเส้นผมทันทีหลังถูกคลอรีนหรือเกลือ โดยหลังจากว่ายน้ำหรือเล่นน้ำในสระว่ายน้ำหรือในทะเล ต้องรีบสระผมให้สะอาด เพื่อชะล้างคลอรีนจากน้ำในสระหรือเกลือธรรมชาติความเข้มข้นสูงในน้ำทะเล 
 เลิกสูบบุหรี่ เนื่องจากสารพิษในบุหรี่กระทบต่อระบบไหลเวียนโลหิตของร่างกาย ขวางออกซิเจนและสารอาหารที่จะไปหล่อเลี้ยงเซลล์ต่างๆ รวมทั้งเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน อาทิ ชา กาแฟ ที่ส่งผลให้เส้นเลือดหดตัว 
สุดท้าย เอาชนะความเครียด อันเป็นปัจจัยที่ทำให้รากผมอ่อนแอและผมร่วงก่อนวัย ทำได้หลายรูปแบบ เช่น หันเข้าทางธรรม ฝึกสมาธิ หรือเล่นกีฬา หางานอดิเรกทำเพลินๆ
รู้ไปโม้ด nachart@yahoo.com

วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

"10 เรื่องร้ายของการมีเซ็กส์ก่อนวัยอันควร"


เซ็กส์สนุกหฤหรรษ์แต่ก็ทุกข์เสมอเมื่อเวลาผ่านเลย โดยเฉพาะวัยที่ยังไม่เหมาะไม่ควร ผลดีของการมีเซ็กส์ก็มากหลายเคยนิตยสารบางเล่มแยกแยะออกมาได้เกือบครึ่งร้อยประเด็น ซึ่งถ้ามองกลับกันก็ใช่จะดีตามนั้นเสมอ
     พบกับเรื่องร้ายๆ 10 ข้อที่เกิดจากเซ็กส์ก่อนวัยอันควร เพื่อเป็นแนวทางคิดก่อนที่จะเผลอทำอะไรลงไปด้วยตัณหาราคะ โดยเฉพาะหญิงสาว แม้โลกจะยอมรับให้สิทธิเท่าเทียมชาย แต่ท่านมักจะเสียเปรียบเสมอ
1. ท้อง และแท้ง ยิ่งในวัยเรียนการได้รับปริญญาใจก่อนกำหนด 4 ปีการศึกษานั้น มันทำลายชีวิตมากพอตัวเชียวนะ มีน้อยคนที่จะทนอุ้มท้องไปนั่งร่วมชั้นเรียนกับเพื่อน และเชื่อเลยว่าคงไม่มีสถานศึกษาใดสนับสนุนด้วย เมื่อชีวิตของการเป็นแม่เริ่มต้นขึ้น ความพร้อมสำหรับทารกน้อยๆ ย่อมคลุกคลัก ปัญหาปากท้องและสังคมก็จะตามมาทีหลัง ส่วนใครที่ไม่เกรงต่อบาปยืนยันว่าฉันจะทำแท้งนั่นก็เท่ากับว่าทำร้ายตัวเองไปเสียแล้ว แต่ถ้ามั่นใจว่า “ฉันไม่ท้องหรอกย่ะ ป้องกันดี” จากการวิจัยระบุว่าแม้จะมีการใช้ถุงยางอนามัยก็ยังมีโอกาสพลาดได้สูงถึง 21% เนื่องจากคุณภาพของถุงยางเสื่อมหรือใช้ไม่ถูกต้องและการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดก็มีโอกาสพลาดได้สูงถึง 5%
2. ซึมเศร้า เพราะวัยรุ่นยังไม่ใช่วัยที่จะตั้งรากปักฐานกับใครผู้ใด ยังเป็นวัยแห่งการแสวง เพราะฉะนั้นการเปลี่ยนคู่นอนจึงเกิดเสมอๆ การซึมเศร้าที่เกิดจากขาดความรักที่ยั่งยืนอาจเกาะกินหัวใจคนเราได้
3. ติดโรค อันนี้น่ากลัวนะครับอย่างที่บอกในข้อ 2 ว่าวัยรุ่นเป็นเพียงวัยแสวงหาน้อยคนนักที่จะพบรักแท้ยืนยาวเหมือนชีวิตคู่ผู้ใหญ่ การเปลี่ยนคู่นอนบ่อยๆ ย่อมเกิดโรคตามมาแม้จะป้องกันก็ตาม
4. อาจทำให้เรียนซ้ำชั้นได้ เพราะมุ่งมั่นทำแต่คะแนนรักไม่สนใจการเรียน
5. เป็นขี้ปากชาวบ้าน โดยเฉพาะพวกขี้อิจฉา โดนนิทาว่าเสียตัวแล้วบ้าง เปลี่ยนแฟนอีกแล้ว โดนแฟนทิ้งอีกแล้วบ้าง สำหรับผู้ชายก็อาจจะเป็นที่รังเกียจของสาวดีๆ โดยข้อหา นักล่าผู้หญิง หรือนักล่าพรหมจรรย์ ฟังดูน่ากลัวนะครับ แต่เชื่อเลยว่าใครที่อ่านถึงข้อนี้ หัวเราะชัวร์
6. เกิดการหมิ่นเกียรติกันและกันระหว่างชายหญิง ต่างฝ่ายมองว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงตัวสนองความใคร่ ไม่มีรักแท้จีรัง ก่อนที่จะรู้จักกันอย่างแน่นแฟ้นเราอาจจะมองเขาในแง่อื่นไปเสียแล้ว
7. ถูกหลอกซ้ำซาก เพราะเคยปล่อยตัวและใจให้คนก่อนและความต้องการรักแท้ เพราะฉะนั้นคำว่ารักก็อาจจะกลายเป็นแค่ตะขอเบ็ดเกี่ยวเยื่อเท่านั้น
8. ใคร่มากกว่ารัก วัยรุ่นอาจจะต้องการมีเพศสัมพันธ์มากกว่ารัก และเข้าใจคำว่ารักผิดไป สุดท้ายส่งผลให้ไม่เข้าใจกันในที่สุด
9. ผิดหวังในรัก เมื่อคนดีที่เหมาะกับเราเข้ามาในชีวิต เมื่อเขารู้เรื่องราวในอดีตก็อาจจะหลีกหายไปได้ หรือเราเองอาจจะรู้สึกผิดกับอดีตไม่กล้าสู้หน้าเขาหรือเธอคนนั้น จนกลายเป็นคำว่า เธอดีเกินไป หรือเธอไม่คู่ควรกับฉัน เพราะเธอมันช่ำชอง ไม่น่าไว้วางใจ
10. สร้างความร้าวฉานในชีวิตคู่ เรื่องราวในอดีตไม่สามารถลบมันได้ แม้เราจะพยายามลืมไปเท่าไหร่ก็ตาม เมื่อคู่ชีวิตล่วงรู้อดีตกาลของเราย่อมเกิดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ ชีวิตคู่จะมีความสุขได้อย่างไร แก้วเริ่มร้าวไม่นานก็แตก และไม่อาจประกอบได้ดั่งเดิม
   หวังว่าโทษ 10 ข้อของการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร พอจะช่วยแตกหน่อทางความคิดให้ยับยั้งชั่งใจได้บ้าง เพราะความสุขชั่วครู่เพียงไม่กี่นาทีอาจทำลายความสุขชั่วชีวิตลงได้

เผยแล้ว 7 สิ่งมหัศจรรย์ใหม่! ของโลก

เผยแล้ว 7 สิ่งมหัศจรรย์ใหม่! ของโลก

          มูลนิธิ 7 สิ่งมหัศจรรย์เผยผลการลงมติ 7 สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลกยุคใหม่ที่กรุงซูริค ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ก่อนที่จะมีการประกาศผลอย่างเป็นทางการช่วงต้นปี 2556 แอบกระซิบว่าอินโดนีเซีย ฟิลปปินส์ เวียดนามประเทศเพื่อนบ้านเราก็ติดอันดับกับเค้าด้วยนะ!


          1. ป่าอะเมซอนในอเมริกาใต้มีขนาดใหญ่กว่า 5.5 ล้านตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่กว่า 9 ประเทศในอเมริกาใต้ ป่าอะเมซอนมีขนาดพื้นที่คิดเป็นครึ่งหนึ่งของป่าฝนที่ยังเหลืออยู่บนโลก และมีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดในโลก


          2.  อ่าวฮาลองในประเทศเวียดนามขึ้นชื่อเรื่องหินที่มีรูปร่างและขนาดที่แตกต่างกัน อ่าวมีขนาดใหญ่กว่า 1,553 ตารางกิโลเมตร มีความยาวกว่า 120 กิโลเมตร และมีหินเล็กเกาะน้อยกว่า 1,969 เกาะ


         3.  น้ำตกอิกัวซูในประเทศอาร์เจนตินาเป็นหนึ่งในน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีขนาดน้ำตกใหญ่กว่า 2.7 กิโลเมตร โดยมีน้ำตกเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกกว่า 275 แห่ง แต่แห่งที่ใหญ่ที่สุดคือน้ำตก คอปีศาจ (Devil’s Throat) ที่มีความสูงกว่า 80 เมตร


         4.  เกาะเชจูในสาธารณรัฐเกาหลีใต้เป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ มีพื้นที่กว่า 1,846 ตารางกิโลเมตร ตรงกลางเกาะเชจูเป็นที่ตั้งของภูเขาที่สูงที่สุดในเกาหลีใต้ซึ่งเป็นภูเขาไฟที่ดับไป
แล้ว


        5.  อุทยานแห่งชาติโคโมโดในประเทศอินโดนีเซียครอบคลุมพื้นที่ถึง 3 เกาะในประเทศอินโดนีเซีย มีขนาดใหญ่กว่า 1,817 ตารางกิโลเมตร และมีสัตว์สงวนที่สำคัญคือ มังกรโคโมโด


         6.  แม่น้ำใต้ดิน เปอร์โตปรินเซซา ในประเทศฟิลิปปินส์  เป็นแม่น้ำที่อยู่ภายใต้ถ้ำหินปูนความยาวกว่า 8.2 กิโลเมตร มีจุดเด่นคือ จะมีลมผ่านถ้ำก่อนที่จะพัดตรงไปสู่ทะเลจีนใต้ แม่น้ำใต้ดินแห่งนี้ถือเป็นแม่น้ำใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในโลก


           7.  เทเบิ้ลเมาท์เทนท์ ที่ประเทศแอฟริกาใต้ภูเขาแห่งนี้มีจุดเด่นที่เป็นหินที่มีอายุยาวนานกว่า 6 ล้านปี และเป็นพื้นที่อันอุดมสมบูรณ์ของดอกไม้กว่า 1,470 สายพันธุ์

17 แบบ ตัวอย่างผู้ชายแบบไหน..ที่ไม่ควรเสียเวลาด้วย


17 แบบ ตัวอย่างผู้ชายแบบไหน..ที่ไม่ควรเสียเวลาด้วย
ผู้ชายที่ไม่ควรเสียเวลาด้วย ยังเสียเวลากับผู้ชายแบบนี้อยู่หรือเปล่า ?? 
 
1. ผู้ชายที่คิดว่างานบ้านเป็นเรื่องของผู้หญิงและไม่คิ ดจะช่วย หรือคิดว่าไม่ผิดที่ผู้ชายจะมีกิ๊กหรือชู้ = ต้องโทษประหาร สับแล้วโยนให้เป็ดกิน 

2. มีหนี้ท่วมหัว เป็นหนี้พนันบอล บัตรเครดิตและหนี้อื่นๆ ไม่คิดจะเครียร์หนี้

3. ผู้ชายวัยทำงานที่ยังนั่งเล่นเกมส์เป็นกิจวัตร และไม่ทำกิจกรรมอะไรนอกจากนอนในวันหยุด 

** เราเคยเจอสามีเพื่อน เอาเกมส์ไปต่อกับทีวีห้องพักฟื้น หลังจากเพื่อนเราเพิ่งคลอดลูกอ่ะ เซ็งจริงๆ ผู้ชายแบบนี้อ่ะ ** 

4. ผู้ชายที่อายุมากกว่าแต่ไม่คิดพัฒนาสมอง  (ปัญญาอ่อน)

5. ผู้ชายอายุน้อยกว่า ที่คิดว่าเรามีรายได้มากกว่า และจ้องแต่จะให้เราจ่าย 

6. ไม่พาเราไปแนะนำให้ครอบครัวเค้ารู้จักและไม่เคยพาไปบ้านช่อง เท่ากับว่า คงโกหกอะไรชัวร์ 

7. ผู้ชายที่ไม่แน่ใจตัวเองว่าชอบผู้หญิงรึเปล่า = ประตูหน้า Lock lock lock!! แบบนี้ระวังโรค 

8. ผู้ชายที่มีครอบครัว อ้างว่าแยกกันอยู่แล้ว แต่หย่าไม่ได้ .. ( แถวบ้านเรียกว่าโกหก) = มุขนี้หมาแก่อายุ 35 ขึ้นไปชอบเอาไว้หลอกเด็ก แล้วอย่าหลงกล เอาน้ำร้อนมาราดมันซะ! 

9. ไม่สามารถเสียสละเวลางานเพื่อเราได้ ไม่ว่าเรื่องจะฉุกเฉินแค่ไหน เท่ากับว่า บ้างานแบบนี้จะแต่งกับมันเอาโล่ห์หรอ 

10. ผู้ชายที่ Give silent treatment มีปากแต่ไม่รู้จักใช้พูดเวลาจะปรับความเข้าใจ หรือมีเรื่องทีไร แมร่งง.. เงียบตลอด!! เซ็ง.. 

11. ผู้ชายที่แมนมาก ไม่เดินจับมือ ไม่ช่วยถือของ และเดินนำหน้าผู้หญิงตลอด (ถ้าเราเดินตกท่อมันจะรู้เรื่องมั้ยเนี่ยะ..) 

12. ไม่คิดจะแต่งงานกับเรา ไม่มีการออมเงินเพื่อแต่งงานหรือสร้าง ครอบครัว ไม่เคยคุยกันเรื่องนี้ (ดังนั้น..เลิกกับมันซะ) 

13. ผู้ชายที่คบกับคุณเพราะคุณรวย หวังเงินหรือผลประโยชน์จากคุณและครอบครัวคุณ (ผู้ชายจำพวกนี้ มีเยอะ สมัยนี้..) 

14. ผู้ชายที่ไม่เคารพพ่อแม่คุณ 

15. พูดจาหยาบคายกับคนอื่น แต่พูดดีกับคุณ!! 

16. ผู้ชายที่คอยบอกให้เราไปหาหมอเวลาที่เราป่วย แต่ไม่เคยพาเราไปหาหมอ 

17. ผู้ชายที่ชอบพูดว่าไม่จำเป็นต้องทำดีในวันพิเศษหรอก วันไหนก็ทำได้ ขนาดวันพิเศษมันยังไม่ทำ วันธรรมดาก็อย่าหวัง 555 

แฟนใครเป็นแบบนี้ 5 ข้อขึ้นไป เตรียมตัวเผ่นเถอะค่ะ ควรจะมีคนดูแลคุณและคุณดูแลเค้าได้ดีกว่านี้ค่ะ

7 วิธีลดแน่นท้อง+ท้องอืด


7 วิธีลดแน่นท้อง+ท้องอืด
 
ได้แก่
(1). Small, frequent meals = มื้อเล็กๆ บ่อยๆ
อาหารมื้อใหญ่ หรือการดื่มน้ำคราวละมากๆ จะทำให้กระเพาะอาหารโป่งออก และหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างหย่อนลง กรดไหลย้อนได้มากขึ้น


(2). Cut the cake = ลดเค้กลงหน่อยชอคโกแล็ต โกโก้ และกาเฟอีน ซึ่งพบในกาแฟ เครื่องดื่มกระตุ้นกำลัง ชา โกโก้ ไมโล โอวัลติน ชอคโกแล็ต อาจทำให้อาการแย่ลง
...
อาหารไขมันสูง เครื่องเทศบางอย่าง อาหารทอด ผลไม้ตระกูล citrus (ส้ม ส้มโอ เกรฟฟรุตหรือเสาวรส), หอมดิบ มะเขือเทศ เนย น้ำมัน เปปเปอร์มินต์ (สะระแหน่ มีมากในหมากฝรั่ง) อาจทำให้อาการแย่ลง
ไม่จำเป็นต้องลดอาหารกลุ่มนี้ไปเสียหมด ขอเพียงจดบันทึกรายการอาหาร ทำเครื่องหมายไว้ว่า วันเวลาใดมีอาการมากประมาณ 2-3 อาทิตย์ จะเริ่มรู้ว่า อาหารใดแสลงโรคสำหรับเรา แล้วทดลองซ้ำ 2-3 ครั้ง ว่า แสลงจริง เพื่อจะได้กินครั้งละน้อยหน่อยต่อไป
(3). Don't drink alcohol = อย่าดื่มแอลกอฮอล์แอลกอฮอล์ทำให้หูรูดกระเพาะอาหารส่วนล่างคลายตัว กรดไหลย้อนได้ง่ายขึ้น
การศึกษาในปี 2542 พบว่า ยิ่งดื่มเหล้า เบียร์ ไวน์ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาก, อาการยิ่งแย่ลง (Am J Medicine)
(4). Another reason to shed pounds = อีกเหตุผลหนึ่งที่ (ควร) ลดน้ำหนักการศึกษากลุ่มตัวอย่างมากกว่า 10,000 คนในปี 2546 พบความสัมพันธ์ระหว่างดัชนีมวลกาย (body mass index / BMI) กับโรคกรดไหลย้อน หรือ "ยิ่งอ้วนยิ่ง(ท้อง)อืด" (Int J Epidemiology)
คนอ้วนเป็นโรคกรดไหลย้อนเกือบ 3 เท่าของคนไม่อ้วน
...
กลไกที่อาจเป็นไปได้ คือ คนอ้วนมีไขมันในช่องท้องมากขึ้น แรงดันในช่องท้องมากขึ้น แรงดันนี้ไปบีบกระเพาะอาหาร
กลไกอื่นที่อาจเป็นไปได้ คือ ไขมันในช่องท้อง หรือภาวะอ้วนลงพุง อาจปล่อยสารเคมีไปรบกวนการทำงานของทางเดินอาหาร
(5). Don't wear tight clothing = อย่าสวมเสื้อผ้าคับเสื้อผ้าคับๆ ทำให้แรงกดต่อกระเพาะอาหารมากขึ้น กรดไหลย้อนมากขึ้น
(6). Head up, Sleep better = เอียงหัวเตียงขึ้น, หลับสบายขึ้น
การหลีกเลี่ยงอาหาร น้ำ หรือเครื่องดื่มมื้อใหญ่ก่อนนอน 2-3 ชั่วโมง และหาอะไรหนุนหัวเตียงให้สูงขึ้น 6-8 นิ้ว ช่วยให้กรดไหลย้อนจากกระเพาะอาหารไปหลอดอาหารได้น้อยลง
...
การหนุนหมอนหลายใบไม่ช่วยให้อาการดีขึ้น
การศึกษาพบว่า กลไกสำคัญ คือ หลอดอาหารที่อยู่ในแนวนิ่งมากขึ้นทำให้กรดและน้ำย่อยในหลอดอาหารไหลลงกระเพาะฯ ได้เร็วขึ้น 67%

(7). quit smoking = หยุดสูบบุหรี่นิโคตินในบุหรี่ ทำให้หูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง (lower esophagus sphinctor / LES) หย่อนตัว ทำให้อาหาร น้ำ กรด น้ำย่อยไหลย้อนกลับจากกระเพาะอาหาร ขึ้นไปยังหลอดอาหารได้ง่าย
...
นิโคตินทำให้น้ำดีที่ช่วยย่อยไขมันในลำไส้เล็ก ไหลย้อนกลับ จากลำไส้เล็กไปกระเพาะอาหาร ซึ่งทำให้กระเพาะฯ และหลอดอาหารบาดเจ็บจากน้ำดีได้
นิโคตินมีฤทธิ์ทำให้การหลั่งน้ำลายลดลง น้ำลายมีสารเบสหรือด่างไบคาร์บอเนต คนรูปร่างใหญ่ (ฝรั่งขนาด 70 กิโลกรัม) กลืนน้ำลายวันละประมาณ 1.5 ลิตร ซึ่งช่วยปกป้องหลอดอาหารจากกรด เมื่อน้ำลายน้อยลง... หลอดอาหารจะบาดเจ็บได้ง่ายขึ้น
...



วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2555

ลดพุงง่ายๆด้วย 10 วิธีเริดๆ

      

"อยากมีหน้าท้องแบน ราบเรียบเหมือนนางแบบคนนี้จังเลย" นั่นแน่!! เชื่อแน่ว่าสาวๆหลายคนต้องมีความคิดอย่างนี้แน่ๆ เมื่อเปิด magazine แล้วเห็นนางแบบที่หน้าท้องแบน อย่างกับเธอไม่ได้กินอะไรมาแรมปี แล้วก็เกิดความอิจฉาอยากจะเป็นอย่างพวกเธอบ้าง....คุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้เพียงแค่คุณทำตามคำแนะนำกับวิธีง่ายๆในการลดพุงที่เราจัดหามาฝาก...ได้ผลแค่ไหนคุณต้องลองจัดซะ



 1.บอกลาอาหารจังก์ฟู้ดส์ เพราะอาหารจังก์ฟู้ดส์เหล่านี้ มักมีทั้งน้ำตาล และไขมันอิ่มตัวเป็นส่วนประกอบแทบทั้งนั้น


          2.น้ำตาลคือจอมวายร้าย เพราะฉะนั้นเลือกทานอาหารประเภทซูการ์ฟรีซะ มันช่วยทำให้หน้าท้องของคุณลดลงได้


          3.หลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้งขัดขาว ขนมปังขัดขาว พาสต้า โดนัท เค้ก และบิสกิต เพราะอาหารเหล่านี้จะทำให้คุณอ้วนขึ้น แถมยังส่งผลเสียต่อระบบย่อยอาหารด้วย และยังทำให้เกิดไขมันเก็บสะสมในร่างกายอีกต่างหาก


          4.อย่ากินขนมตอนกลางคืน นั่นก็เพราะการรับประทานขนมตอนกลางคืน จะทำให้คุณไม่สามารถเผาผลาญไขมันออกไปได้ เพราะช่วงกลางคืนเราทานแล้วก็นอน แทบไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรที่เผาผลาญพลังงานอีกแล้วนั่นเอง


          5.เปิดไฟนอน เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้มีการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า การนอนหลับในห้องที่เปิดไฟ จะมีช่วยลดความอยากอาหารได้มากกว่านอนในสภาพบรรยากาศมืด ๆ ซึ่งแน่นอนว่า มันเกี่ยวข้องกับขนาด "พุง" ของคุณอย่างไม่ต้องสงสัย


          6.ออกกำลังกายลดความอ้วน คำแนะนำที่ดีที่สุดสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนัก กำจัดพุง ก็คือ การออกกำลังกายนี่เอง เพราะมันจะช่วยเผาผลาญไขมัน และน้ำหนักให้คุณได้


          7.ดื่มชาเขียว วันละ 3-4 แก้ว เพราะมันจะช่วยให้การออกซิเดชั่นไขมันดีขึ้น เร่งอัตราการเผาผลาญในร่างกาย แถมยังสามารถลดคอเลสเตอรอลได้อีกต่างหาก


          8.เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการดื่มน้ำผึ้งผสมน้ำมะนาวอุ่น ๆ รับรองว่าเวิร์ก


          9.อย่าปล่อยให้หิว เพราะหากยิ่งปล่อยให้หิว ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความอยากอาหารจะยิ่งหลั่งออกมา และหากคุณกินตามใจฮอร์โมน น้ำหนักเพิ่มขึ้นแน่นอน


          10.ลดทานเค็ม นั่นก็เพราะการทานอาหารรสเค็มจัดเกินไปเป็นสาเหตุให้ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความอ้วน และน้ำหนักในเด็กผู้หญิงเปลี่ยนแปลงได้


แสงไฟแบบไหนเหมาะใช้อ่านหนังสือ?(อยากรู้เข้ามาอ่านจ้า)

แสงไฟแบบไหนเหมาะใช้อ่านหนังสือ?
เช็ค “แสงไฟ” ในห้องอ่านหนังสือ เลือกใช้ถูกหลักหรือไม่ พร้อมวิธีแก้ไขควรปฏิบัติ ช่วยถนอม “สายตา” บอกลา “อาการตาเพลีย”
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่หลังอ่านหนังสือ มักปวดรอบ ๆ ตา และหน้าผาก ตาพร่ามัว ตาลายเป็นพัก ๆ เคือง แสบ หรือ มีน้ำตาไหลร่วมด้วย นั่นเป็นสัญญาณของอาการ “ตาเพลีย” ซึ่งมักเกิดจากการใช้สายตาขณะแหล่งแสงไม่เพียงพอ ดังนั้น เพื่อดวงตาคู่สวยทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพไปนาน ๆ การเลือกใช้แสงไฟอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็น
สำหรับ “แสงจากธรรมชาติ” ควรเลี่ยงแสงสว่างจ้า เพราะจะทำให้สายตาอ่อนล้า หากมืดเกินไปก็เป็นปัจจัยทำสายตาสั้นได้เช่นกัน จึงควรหาโคมไฟติดไว้ เพื่อช่วยปรับแสงให้พอดีกับสภาพแวดล้อมแต่ละวัน
หากเป็น “แสงจากโคมไฟตั้งโต๊ะ” ควรใช้หลอดที่มีแสงสีนวล เลี่ยงแสงสีขาว หรือ เหลืองเกินไป เพราะจะทำให้แสงแยงตา ทั้งนี้ เพื่อการมองตัวหนังสือได้แจ่มชัด แสงที่ตกสะท้อนจากกระดาษไม่ตกเข้าตา ควรจัดวางตำแหน่งโคมไฟให้แสงเข้าด้านข้างซ้ายมือจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ช่วยให้อ่านได้สบายตา และนานขึ้น ทั้งยัง เป็นการลบเงาที่จะเกิดขึ้นด้วย
นอกจากนั้น ควรเลี่ยงอ่านหนังสือในบริเวณที่เป็น “แสงไฟกระพริบ” เพราะจะส่งผลให้ประสาทตาเสียเร็ว เนื่องจากถูกกระตุ้นตามจังหวะกระพริบของแสงนั่นเอง.
ทีมเดลินิวส์ออนไลน์

10 ข้อผิดพลาด เกี่ยวกับการดูแลผิวของสาววัยแรกรุ่น

10 ข้อผิดพลาด เกี่ยวกับการดูแลผิวของสาววัยแรกรุ่น

          ในยุคที่ความสวยยอมกันไม่ได้อย่างทุกวันนี้ ดูเหมือนว่าน้อง ๆ วัยแรกรุ่นจะตื่นตัวกับการดูแลผิวหน้า ผิวกายกันมากขึ้น หลายคนก็เริ่มมองหาครีมบำรุงผิว บางคนก็ถึงกับแต่งหน้าออกจากบ้านเป็นสาวก่อนวัยกันเลยทีเดียว แต่สิ่งหนึ่งที่สาววัยแรกรุ่นลืมตระหนักถึง ก็คือการดูแลผิวอย่างไรให้ถูกต้อง ทำให้น้อง ๆ หลายคนปรนนิบัติผิวกันแบบผิด ๆ ซึ่งก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาผิวพรรณได้ในอนาคต กระปุกดอทคอมวันนี้ก็เลยขอรวบรวมข้อผิดพลาดที่สาววัยแรกรุ่นมักจะทำไปโดยไม่รู้ตัวมาฝากกัน ก่อนที่จะไม่ทันการณ์ ทำผิวเสียไปด้วยความไม่รู้ค่ะ อ๊ะ ว่าแล้วก็อย่าช้า ไปดูกันดีกว่าว่าข้อผิดพลาดนั้นมีอะไรกันบ้าง
          1. น้อง ๆ วัยเริ่มสาวหลายคนไม่รู้สภาพผิวของตัวเองว่าเป็นผิวมัน ผิวผสม หรือผิวแห้ง ก็มักจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ตามคุณแม่หรือเพื่อน ๆ ซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อผิวเอาได้ค่ะ ดังนั้น ก่อนอื่นเลยสาว ๆ ก็ควรจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพผิวของตัวเองเสียก่อน จากนั้นก็ค่อยลองเลือกหาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมาใช้ โดยปรึกษากับเจ้าหน้าที่หรือเภสัชกรก่อนซื้อผลิตภัณฑ์ชิ้นนั้นค่ะ
          2. น้อง ๆ หลายคนเชื่อว่าการทำความสะอาดใบหน้า แค่สบู่ก็เพียงพอแล้ว ซึ่งนี่เป็นความเชื่อที่ผิดถนัดเลยล่ะ ถึงแม้ว่าจะคุ้นชินกับการใช้สบู่มาตั้งแต่เด็กก็เถอะ ตอนนี้เป็นสาวแล้วนะคะ ใบหน้าก็เจอกับแสงแดดและลมมากขึ้นทุกวัน แถมน้อง ๆ บางคนยังแต่งหน้าด้วย ดังนั้นต้องพิถีพิถันกับผลิตภัณฑ์ล้างหน้าด้วยค่ะ แล้วเก็บสบู่ไว้ใช้กับร่างกายเท่านั้น ไม่อย่างนั้นล่ะก็หน้าแห้งตายเลย และนอกจากนี้ยังอาจทำให้ใบหน้าไม่สะอาดก็ได้
          3. ล้างหน้าด้วยโฟมรอบเดียวก็เพียงพอแล้ว นี่อาจจะดีสำหรับน้อง ๆ ที่ไม่ได้แต่งหน้า แต่ถ้าหากต้องแต่งหน้าอ่อน ๆ ออกจากบ้านตามประสาวัยใส อย่าละเลยคลีนเซอร์ล้างเครื่องสำอางค่ะ เพราะจะช่วยทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาดหมดจดได้ โดยล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์ก่อน จากนั้นค่อยล้างอีกครั้งด้วยโฟมล้างหน้าค่ะ
          4. ทาแป้งทั้ง ๆ ที่เป็นคนผิวแห้งสุด ๆ อ๊ะ ๆ อย่าได้เผลอทำเลยนะแบบนี้ ถ้าหากว่าไม่มีการใช้มอยซ์เจอไรเซอร์ลงไปก่อน เพราะการทาแป้งบนใบหน้าที่แห้งจะยิ่งทำให้หน้าแห้งมากขึ้นไปอีก ยิ่งถ้าเป็นหน้าหนาวไม่ต้องพูดถึง ผิวแตกกันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้น น้อง ๆ ควรหามอยซ์เจอไรเซอร์หรือครีมที่ให้ความชุ่มชื้นทาลงไปก่อน จากนั้นจะทาแป้งขนาดไหนก็จัดไปเลย
          5. ไม่ใส่ใจที่จะทาครีมกันแดด สาวหลายคนมักจะคิดว่ายังไม่ถึงวัยที่จะต้องพิถีพิถันกับผิวหน้าตัวเองถึงกับกลัวแสงแดดตลอดเวลาอยู่อย่างนั้น แต่การเริ่มต้นตั้งแต่เนิ่น ๆ สามารถป้องกันปัญหาผิวหน้าหลาย ๆ อย่างได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น กระ ฝ้า หรือจุดด่างดำต่าง ๆ ดังนั้น เริ่มใช้ครีมกันแดดก่อนออกแดดทุกครั้งเลยนับตั้งแต่ตอนนี้ ดีกว่ามีกระมีฝ้าแล้วมาหายาทาเอาทีหลัง บางทีก็ไม่ทันนะคะ
          6. นิยมของถูก การซื้อของใช้ราคาประหยัดนั้นเป็นสิ่งที่ดีค่ะ แต่ขอยกเว้นให้กับเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสักหน่อย ไม่ว่าจะเป็นครีม โลชั่น หรือลิปสติกและเมคอัพบนใบหน้าเลยทีเดียว ขอให้เน้นคุณภาพเป็นอย่างแรกเลยค่ะ ศึกษาให้ดี ๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ กะใช้ของถูกแล้วถ้าหน้าพังขึ้นมาไม่คุ้มกันนะเออ
          7. เน้นบำรุงผิวหน้า ละเลยคอ ฮั่นแน่ พูดไปก็เข้าตัวน้อง ๆ หลายคนเลยทีเดียว ประเภทเน้นบำรุงเฉพาะผิวหน้าให้ใสเด้ง แต่ปล่อยลำคอให้เป็นคนละโทนสี และไม่มีความชุ่มชื้นเอาซะเลยแบบนี้ มาเริ่มต้นบำรุงทั้งใบหน้าทั้งคอไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าค่ะ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับส่วนลำคอนี้อาจจะเป็นตัวเดียวกับที่ใช้กับผิวหน้าก็ได้ หรืออาจเป็นโลชั่นบำรุงผิวก็ดีค่ะ
          8. ใช้ครีมป้องกันและลดเลือนริ้วรอยแต่เนิ่น ๆ เข้าใจว่าผู้หญิงเราไม่ว่าจะวัยไหนก็ย่อมกลัวแก่ด้วยกันทั้งนั้น แต่อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไปตั้งแต่ยังวัยรุ่นเลยค่ะ มันยังไม่ปรากฎบนใบหน้าได้ง่าย ๆ หรอก ในช่วงวัยนี้ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการลดเลือนริ้วรอยเลยค่ะ ไม่จำเป็นเลย ควรเน้นผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นจะดีที่สุด เพราะถ้าหากผิวหน้าเรามีความชุ่มชื้น ก็จะแก่ยาก ริ้วรอยเกิดยากค่ะ
          9. ชอบกินฟาสต์ฟู้ด สูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ น้อง ๆ คนไหนที่เผลอทำพฤติกรรมที่ว่ามานี้ไป เตรียมตัวแก่ก่อนวัยได้เลยจ้า เพราะทั้งสามอย่างนี้เป็นปัจจัยทำลายความเต่งตึงของผิวตัวดีเลยล่ะ ดังนั้นใครกำลังเผลอพลาดไปแล้ว หรือคิดจะสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ลองคิดใหม่ก็ดีนะจ๊ะ
          10. ชอบนอนดึก ไม่ว่าจะเพราะมัวแต่แชท หรือเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์กอยู่ก็เถอะ รู้หรือไม่ว่าการไม่ยอมนอนแล้วเอาเวลามานั่งแฮปปี้มีความสุขทำอะไรเรื่อยเปื่อยไปตอนดึก ๆ ไม่สามารถทดแทนการนอนหลับพักผ่อนได้เลยค่ะ เพราะถึงแม้ว่าจะรู้สึกไม่ง่วงอย่างไร แต่ก็ควรนอนแต่หัวค่ำและนอนหลับให้เพียงพอนะคะ เพื่อที่ผิวพรรณจะได้พักผ่อนฟื้นฟูตัวเองเต็มที่ ไม่เกิดปัญหาผิวหน้าได้อย่างง่าย ๆ แน่นอน
          และนี่ก็คือข้อผิดพลาดทั้ง 10 ข้อ ที่สาววัยแรกรุ่นมักจะพลาดกัน ก็เลยทำให้เกิดปัญหาผิวบ้างล่ะ หรือไม่พอใจกับสภาพผิวตัวเองบ้างล่ะ เอ้า ก็หวังว่าคราวนี้คงจะทำให้น้อง ๆ หลายคนได้เข้าใจเรื่องราวของการดูแลผิวกันมากขึ้น และดูแลผิวกันอย่างถูกต้องนะคะ 

วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2555

เป็นวัยรุ่นต้องรู้จักใช้ "เงิน"

พ้นจากวัยละอ่อนมาสู่โลกกว้างที่หาเงินเลี้ยงตัวเองแล้ว ชีวิตจริงอาจจะโหดร้ายไปนิด แต่เรานำเทคนิคมาฝากให้การเก็บเงินเป็นเรื่องง่ายขึ้นอีกนิด
อย่างแรกเลย...หางานทำ! ลงทุนกับเสื้อผ้า รองเท้า และทรงผมงามๆ เพื่อเตรียมพร้อม

อย่าจ้างคนเขียนเรซูเม่ ลองดาว์นโหลดจากอินเทอร์เน็ตมาเทียบเป็น ตัวอย่างดีกว่า 

เริ่มสร้างเนื้อสร้างตัว ตอนนี้คุณมีรายรับมากกว่าที่เคยมีในชีวิตแล้ว แต่ค่าใช้จ่ายก็เพิ่มตาม ดังนั้น
"อย่าใช้เงินโดยคิดว่าเดี๋ยวค่อยเอาเงินเดือนครั้งถัดไปมาชดเชยแทนเด็ดขาด"
 

ถ้าต้องย้ายที่อยู่ เตรียมเงินค่ามัดจำไว้ให้พร้อม อ่านข้อตกลงก่อนทำสัญญาเช่าดีๆ 

ประกันภัยรถยนต์ อาจจะมีค่าใช้จ่ายสูง แต่เป็นสิ่งจำเป็นมาก
และวิธีประหยัดเงินที่ดีที่สุด ก็คือการขับรถอย่างระมัดระวังเสมอประหยัดให้ดี ๆ

อย่าซื้อของตามกระแส ให้รอจนราคาตกลงก่อน

ของหรูหราที่มาทีละนิด ก็น่ากลัว กาแฟแก้วละ 40 บาทต่อวัน อาจทำให้เราจ่ายปีละ 14,600 บาทก็ได้นะ

หนทางสู่การล้มละลายนั้นถูกปูทางด้วย "เงินกู้รายวัน" และการลงทุนที่ดีเกินจริง

จำไว้ว่าความรวยนั้นไม่มีทางลัด
อยากรวยต้องฉลาดใช้ฉลาดเก็บนะจ๊ะ