Homebright

Bright

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะค่ะ:D

วันเสาร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2554

โผล่อีก! แบทแมนนิ่ง ท่าอันตราย ผิดพลาดอาจถึงตาย


โผล่อีก! แบทแมนนิ่ง ท่ายากห้อยหัว ผิดพลาดอาจถึงตาย
แบทแมนนิ่ง 
Mthai news: กระแสการถ่ายแบบโดยคิดท่าแผลงๆมาอวดกันบนสื่ออินเตอร์เน็ตมีมาอย่างต่อเนื่อง เริ่มต้นจาก แพลงกิ้ง เลวิเทติ้ง ฮอร์สแมนนิ่ง ซึ่งล่าสุดมีคนคิดท่าใหม่ออกมาเผยแพร่ นั่นก็คือ แบทแมนนิ่งโดยจะใช้วิธีห้อยหัวลงสู่พื้น ใช้เท้าเกี่ยวกับราวยึดไว้ ซึ่งจะสามารถทำได้ในที่ร่ม อย่างเช่น ในบ้าน ลานจอดรถ
อย่างไรก็ตาม ท่าแบทแมนนิ่ง ถือเป็นท่ายาก และอันตราย หากเกิดความผิดพลาดอาจคอหัก ศรีษะแตก หรือถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยก่อนหน้านี้ ท่าแพลงกิ้งก็พบว่ามีผู้เสียชีวิตมาแล้ว ฉะนั้นจึงไม่ควรเลียนแบบเป็นอยางยิ่ง
แบทแมนนิ่ง
แบทแมนนิ่ง
โปรดใช้วิจารณญาณในการชม  (รูปที่ผู้หญิงทำ เจ๋ง  เนาะ>,<   )

ป้อง ณวัฒน์ รับแล้วคบกับ แก้ว FFK จริง


เมื่อช่วงเช้า (8 ก.ย. 2554) ที่ผ่านมาพิธีกรหนุ่มฝีปากเฉียบ วู้ดดี้ มิลินทจินดา เผยผ่านรายการ เช้าดูวู้ดดี้ ถึงกรณีข่าวที่เป็นประเด็นฮอตและกำลังอยู่ในความสนใจปนความงงงวยของแฟนๆทั่วประเทศ หลังจากที่เมื่อวาน (7 ก.ย. 2554) นักร้องสาว "แก้ว จริญญา" แห่งค่ายกามิกาเซ่ ออกตัวแรงเปิดเผยความสัมพันธ์รักข้ามค่ายกับพระเอกหนุ่มรุ่นพี่ที่อายุห่างกันถึง 14 ปี "ป้อง ณวัฒน์" ว่ากำลังคบหาดูใจกันอยู่จริง แต่เพื่อไม่ให้ฝ่ายหญิงออกมาพูดแต่ฝ่ายเดียวเพราะอาจจะดูไม่ดี
ทางรายการ เช้าดูวู้ดดี้ ได้ต่อสายตรงโทรศัพท์ไปสอบถามหนุ่มป้องถึงกระแสข่าวดังกล่าวว่าจริงเท็จแค่ไหน ซึ่งได้รับคำตอบจากพระเอกหนุ่มว่าเป็นเรื่องจริง ได้มีการสานสัมพันธ์หลังสาวแก้วได้มาเป็นแขกรับเชิญในรายการ "เกสต์เฮ้าท์" ซึ่งตนเป็นพิธีกรอยู่ จากนั้นก็ได้มีการพูดคุยกันมาเรื่อยๆ และอีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้ประทับในตัวฝ่ายหญิงคือสาวแก้วมีบุคลิกละม้ายคล้ายคลึงกับ "นุ๊ก สุทธิดา" ในอดีตที่ตนชื่นชอบอยู่แล้ว ซึ่งถือว่าสาวแก้วตรงสเปกตนมาก
แถมท้ายอีกนิดข่าวจากวงในแอบเม้าท์กันให้แซดว่า ช่วงนี้หนุ่มป้องกำลังอินเลิฟแบบสุดๆ เลยค่า

วันศุกร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2554

เลิกได้ไหม...นิสัยมีแฟนแล้วลืมเพื่อน


หนุ่มที่เราปิ๊งอาจไม่ใช่คนที่เราจะอยู่ด้วยตลอดชีวิต แต่เพื่อนรักคือคนที่คบหาเราไปตลอดชีวิต ไม่ว่าเรามีแฟนหรือโสดซิง
ยามเป็นโสดโดดเดี่ยวเดียวดาย ก็ลากเพื่อนไปคลายเหงาแก้หงอย พอมีแฟนปั๊บก็เนรคุณเพื่อนด้วยการทำตัวติดผู้ชายเป็นตุ๊กแก ไม่เห็นหัวเพื่อนฝูงกันแล้ว นิสัยแบบนี้ควรปรับปรุงแก้ไขโดยด่วน มิฉะนั้นจะไม่เหลือเพื่อนสักคน อย่ายอมเสียเพื่อนเพราะผู้ชายคนเดียวเลยนะ 
 
พิจารณาปัญหา
เวลาปิ๊งผู้ชายหุ่นเร้าใจ แม้ยังจงรักภักดีต่อเพื่อนซี้อย่างเหนียวแน่น แต่ก็อดใจกับผู้ชายคนนี้ไม่ไหว นานทีปีหนถึงจะเจอหนุ่มที่กระตุ้นหัวใจได้ขนาดนี้ ถึงแม้เชื่อมั่นว่าตัวเองเป็นสาวแกร่งเด็ดเดี่ยว แต่ผู้ชายในสเปคแบบนี้ก็สามารถสั่นคลอนทั้งหัวใจ อารมณ์และความรู้สึกได้แบบไม่ต้องใช้ความพยายามมาก ซึ่งเวลาอยู่กับเพื่อนสาวแน่นอนว่าย่อมไม่รู้สึกสปาร์คทั่วร่างได้ขนาดนี้ การอยู่กับเพื่อนให้ความรู้สึกแตกต่างออกไป นั่นคือความสนุกสนานอบอุ่น ถ้ารู้ตัวปัญหาของเราคือ การเสพติดอารมณ์หวามไหวจนทำตัวเหินห่างกับเพื่อน ควรทบทวนและคิดไตร่ตรองให้ดีว่า อยากเสียเพื่อนไปจริงหรือเปล่า

คิดถึงเพื่อนบ้าง บางครั้งอาจต้องทำตัวเป็นนกสองหัวเพื่อรักษาความสัมพันธ์ทั้งสองทางเอาไว้ ต้องบริหารให้ได้ทั้งเพื่อนและแฟน บางคนติดแฟนแล้วหันหลังให้เพื่อนทันทีแบบไร้เยื่อใย นอกจากเป็นการหยาบคายแล้ว ยังทำลายความสัมพันธ์ในระยะยาวอีกด้วย เพื่อนเสียใจนะ

แบ่งเวลาให้ได้
พยายามฝืนใจหักห้ามความรู้สึกที่อยากแนบชิดอิงแอบอยู่กับแฟนตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่ถึงขนาดห้ามเจอะเจอกันเลย แค่ห้ามใจไว้บ้างอย่าเพิ่งตะกรุมตะกรามตักตวงความสุขใส่ตัวขนาดนั้น ความสุขในรูปแบบอื่นก็ยังมี ก็ความสุขที่ได้อยู่กับเพื่อนไงล่ะ ลองคิดถึงตอนไม่มีแฟนแสนเหงา ก็เพื่อนนี่ไงที่พากันไปเที่ยวระเริงใจ แฟนเอาไว้ทีหลังก็ได้ ถ้าเขารักเราจริง เขาไม่หนีไปไหนหรอก
คุยกับเพื่อนบ้าง ให้เวลาตัวเองบ้าง หยุดคิดถึงแฟนสักนาทีก็ยังดี จะไปคิดถึงกันอะไรนักหนา เขาเองก็ต้องมีเรื่องส่วนตัวหรือไปกับเพื่อนของเขาบ้างเหมือนกัน การที่เราใช้เวลากับเพื่อนจะช่วยให้เราได้แลกเปลี่ยนความคิดกับคนที่แคร์เราเสมอ พูดคุยถามไถ่ทุกข์สุขเพื่อนบ้าง อย่าเอาแต่เล่าเรื่องแฟนตัวเอง มันน่าเบื่อนะ
เพื่อนช่วยเสริมเสน่ห์ การที่เรามีเพื่อนฝูงพูดคุยกันเป็นประจำ ทำให้มีเรื่องเด็ดๆไปเล่าให้แฟนฟังเวลาออกไปเที่ยวด้วยกัน อาจมีเกร็ดความรู้รอบตัวที่ทำให้เราดูมีสมอง สามารถพูดคุยเรื่องโน้นเรื่องนี้ได้โดยไม่นั่งบื้ออ้าปากหวอ เพราะไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง เราจะดูที่น่าสนใจยิ่งกว่าเดิม การมีแฟนแล้วต้องตัวติดกันตลอดเวลา ไปๆมาๆอาจไม่มีเรื่องคุยกันเลยก็ได้นะ แยกๆไปเที่ยวกับเพื่อนบ้าง จะได้มีอะไรแปลกใหม่มาเติมสมองบ้าง
มิตรภาพสูงค่า เหตุผลสำคัญที่ไม่ควรปฏิเสธเพื่อนคือ ถ้าเลิกร้างกับหนุ่มหวานใจ เราจะไม่เหงาหงอยเดียวดายไร้เพื่อนเหลียวแล เพื่อนซี้จะไม่เลิกคบเราเพราะเราคบผู้ชาย แต่อาจเลิกคบเราเพราะเราไม่โผล่ไปเจอกับเพื่อนเลย ตอนแรกอาจไม่รู้สึกเท่าไร แต่ถ้าถูกปฏิเสธบ่อยเข้า เราอาจถูกตัดออกจากกลุ่มโดยอัตโนมัติ

ความจริงของชีวิตคือ หนุ่มที่เราปิ๊งอาจไม่ใช่คนที่เราจะอยู่ด้วยตลอดชีวิต แต่เพื่อนรักคือคนที่คบหาเราไปตลอดชีวิต ไม่ว่าเรามีแฟนหรือโสดซิง

โรคจิต….คืออะไร


โรคจิต….คือ

        คนทั่วไปมักพูดถึงคนที่ทำพฤติกรรมอะไรที่แปลกๆ ต่างจากคนอื่น หรือ คนที่หมกมุ่นเกี่ยวกับเรื่องเพศ ว่าเป็นโรคจิต  แต่โรคจิตในความหมายทางการแพทย์หมายถึงโรคจิตเภท (Schizophrenia)  ซึ่งพบได้ประมาณ 1% ของประชากร อายุที่เริ่มเป็นส่วนใหญ่คือช่วงวัยรุ่นตอนปลาย  วัยอื่นๆ สามารถพบได้เช่นกันแต่ค่อนข้างน้อย


โรคจิตเภทมีอาการดังนี้
 
       อาการเริ่มต้นก่อนที่จะแสดงอาการทางจิตอย่างชัดเจน อาจเกิดในแบบฉับพลันหรือเกิดแบบค่อยเป็นค่อยไปก็ได้ อาการเริ่มต้นอาจมีอาการความคิดสับสน ไม่อยู่ในความเป็นจริง บุคลิกภาพเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น แยกตัว  ไม่อยากสุงสิงกับใคร  ปัญหาการนอนหลับ ไม่สามารถรับผิดชอบหน้าที่การงาน การเรียนได้เหมือนปกติ การดูแลสุขภาพอนามัยส่วนตัวเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ   อาการเหล่านี้ช่วยเตือนว่า อาจจะมีการเริ่มต้นของโรคจิตเภท

อาการทางจิตชัดเจน  มีทั้งแบบอาการด้านบวก (Positive Symptoms) และอาการด้านลบ (Negative Symptoms)

1.    กลุ่มอาการด้านบวก (Positive Symptoms) หมายถึง อาการที่ผิดปกติเพิ่มมากกว่าคนทั่วไป ได้แก่

-    หลงผิด (Delusion) เป็นความเชื่อของผู้ป่วยเองที่ผิดไปจากความเป็นจริง เช่น คิดว่าคนอื่นจะมาทำร้าย คิดว่าตนจะถูกวางยาพิษ คิดว่าตนส่งกระแสจิตได้  คิดว่าตนเป็นบุคคลสำคัญของโลก เป็นต้น
-    ประสาทหลอน (Hallucination) คือการรับรู้สิ่งเร้าที่ผิดจากความจริง ได้ยินเสียงคนมาพูดด้วยทั้งๆ ที่ไม่มีใครพูดด้วย (หูแว่ว) มองเห็นวิญญาณ (เห็นภาพหลอน) เป็นต้น
-    ความคิดผิดปกติ (Thought Distortion)  คิดแบบมีเหตุผลอย่างต่อเนื่องไม่ได้ ทำให้คุยกับคนอื่นไม่เข้าใจ มักพูดไม่เป็นเรื่องราว พูดไม่ต่อเนื่อง เปลี่ยนเรื่องพูดโดยไม่มีเหตุผล
-    มีพฤติกรรมผิดปกติ มักเกี่ยวข้องกับความคิดและความเชื่อที่ผิดปกติ เช่น ทำร้ายตนเองตามเสียงหูแว่วที่สั่งให้ฆ่าตัวตาย  พูดคนเดียว  อยู่ในท่าแปลกๆ ซ้ำๆ

2.    กลุ่มอาการด้านลบ (Negative Symptoms)  หมายถึง  อาการผิดปกติที่ขาดหรือบกพร่องไปจากคนทั่วไป ได้แก่  เก็บตัว ไม่อยากพบปะผู้คน ไม่ดูแลตัวเอง ไม่นอน  ไม่มีความคิดริเริ่ม ไม่ทำงาน ผลการเรียนหรือการทำงานตกต่ำ   สีหน้าเรียบเฉยเมยไร้อารมณ์ ไม่มีอาการยินดียินร้าย 



สาเหตุของโรคจิตเภท

       มีหลายปัจจัย เช่น  ปัจจัยด้านร่างกาย : เช่น  สารสื่อประสาทในสมองมีการทำงานเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะ Dopamine , Serotonin รวมถึงการใช้สารเสพติด เช่นยาบ้า ยาอี ยาไอซ์ ใบกระท่อม รวมถึง ยาลดน้ำหนักบางชนิด   ปัจจัยด้านพันธุกรรม :  ผู้ที่มีประวัติครอบครัว ที่มีอาการของโรคจิต มีโอกาสเกิดโรคได้ง่ายกว่าคนทั่วไป    ปัจจัยด้านจิตใจ :  เช่น ความเครียดรุนแรง สภาพครอบครัวไม่อบอุ่น  อาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคจิตได้   ในบางรายอาจไม่มีสาเหตุชัดเจนก็ได้

การบำบัดรักษาผู้ป่วยโรคจิตเภท   มีแนวทางดังนี้

1.    รักษาอาการให้หายและป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ  โดยใช้ยารักษาอาการจิต (Antpsychotics)ในการรักษา  แต่ถ้าผู้ป่วยที่มีความคิดอยากทำร้ายตนเอง หรือผู้ป่วยมีอาการคลุ้มคลั่งมาก ๆแพทย์อาจพิจารณาการบำบัดรักษาด้วยไฟฟ้า   ระยะเวลาในการกินยาอย่างต่อเนื่องตามที่แพทย์สั่ง ระยะเวลาแล้วแต่ชนิดของโรคจิตที่เป็น   หากกินยาสม่ำเสมอการกำเริบจะน้อย ถ้ามีอาการทางจิตครั้งแรก ให้ทานยาอย่างน้อย 2 ปี เพื่อป้องการกลับมาเป็นซ้ำอีก ถ้ามีอาการทางจิตกำเริบรอบที่ 2 ให้ทานยาอย่างน้อย 5 ปี ถ้ามีอาการกำเริบรอบที่ 3 ขึ้นไป ให้ทานยาตลอดไป

2.    ป้องกันความเสี่ยงในการฆ่าตัวตาย เนื่องจาก อาการทางจิตอาจทำให้ผู้ป่วยหลงผิดคิดทำร้ายตนเองหรือคนอื่นได้  ซึ่งต้องอาศัยการดูแลจากญาติอย่างใกล้ชิด

3.    การบำบัดรักษาทางจิตใจ ในผู้ป่วยโรคจิตเป็นการช่วยให้ผู้ป่วยที่มีความ ผิดปกติทางด้านจิตใจ และอารมณ์ ให้รู้จักเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เพื่อที่จะปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ ได้ โดยใช้วิธีการพูดคุยกัน เพื่อให้ผู้ป่วยโรคจิตได้ระบายปัญหา และระบายอารมณ์ที่เก็บกดเอาไว้ จนทำให้เขาเห็นแนวทางในการแก้ปัญหา และสามารถกลับไปอยู่ในสังคมได้

4.    การบำบัดทางสังคม โดยจัดกิจกรรมกลุ่มให้ผู้ป่วยได้แลกเปลี่ยนประสบ-การณ์ซึ่งกันและกัน ทำให้ผู้ป่วยเรียนรู้ปัญหาของตนเองและปัญหาของผู้อื่น นำไปสู่การมีพฤติกรรมที่ถูกต้องและเหมาะสมต่อไป รวมทั้งมีการฝึกทักษะทางสังคม เช่น รู้จักการสร้างสัมพันธภาพกับผู้อื่น รู้วิธีการสื่อสารที่ดีเพื่อไม่ให้มีการขัดแย้งเกิดขึ้น เป็นต้น 

จ๊ะ - คันหู -ในชุดนักศึกษา


คันหูเบาๆ!! จ๊ะ ในชุดนักศึกษา
จ๊ะ คันหู
จ๊ะ คันหู จากเด็กผู้หญิงธรรมดา ที่ร้องเพลงหาเลี้ยงครอบครัวและตัวเอง กลับเป็นที่รู้จักเพียงชั่วข้ามคืน ด้วยลีลาท่าเต้นที่ โจ๊ะพรึ้บๆๆ ถูกใจขาโจ๋ ภูทร เป็นอย่างมาก เกือบ 2 เดือนแล้วแต่กระแสของน้องจ๊ะ ก็ยังเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอย่างต่อเนื่อง (คนเข้าดูอย่างต่อเนื่องเช่นกัน)
โดยล่าสุดก็พึ่งไปเปิดใจผ่านรายการ วู้ดดี้ เกิดมาคุย ที่สุดแล้ว ก็คงต้องแล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละบุคคล ส่วนเหมาะสมหรือไม่อย่างไร ก็คงต้องแล้วแต่เพื่อนๆ ตัดสินกันเองแล้วกัน
ขอบคุณ http://www.facebook.com/JaJaFc
จ๊ะ คันหู
จ๊ะ คันหู
ชื่อ สกุล นงผณี  มหาดไทย
ชื่อเล่น จ๊ะ
อายุ 20 ปี

"ถูกกระทำโดยผู้ชำนาญ - Twenty Town"


ภาพเบื้องหลังเอ็มวี ถูกกระทำโดยผู้ชำนาญ  - Twenty Town
ถูกกระทำโดยผู้ชำนาญ Twenty Town
ถูกกระทำโดยผู้ชำนาญ Twenty Town
ถูกกระทำโดยผู้ชำนาญ Twenty Town
ถูกกระทำโดยผู้ชำนาญ Twenty Town
 คลิกเลย
เพลง ถูกกระทำโดยผู้ชำนาญ  - Twenty Town

4 เคล็ดลับความงาม แบบประหยัด


Tips & Tricks เล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ ที่จะทำให้สาวๆ ประหยัดเงินกับความงามไปได้อีกเยอะเลยค่ะ
 
- เลือกใช้เจลแต่งผมแบบที่มีแรงยึดเกาะสูง
เวลาจะใช้ก็ละลายเจลแต่งผมนั้นกับน้ำ ในปริมาณหนึ่งต่อหนึ่ง เพื่อลดความเข้มข้นของเจลลง
- เมื่อใช้โทนเนอร์จนเหลือครึ่งขวดแล้ว
ก็เติมน้ำกลั่นให้เต็ม วิธีนี้จะช่วยให้คุณมีโทนเนอร์ใช้ได้นานขึ้น โดยไม่ทำลายประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์นั้นเลย 
- เพื่อทำให้ผิวดูเนียนนุ่มและมีรูขุมขนเล็กลง
ทาไข่แดงที่ตีให้แตก ลงบนใบหน้า แล้วปล่อยให้แห้งเป็นเวลา 10 นาที เสร็จแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- เมื่อใช้ลิปสติกหมดแท่งแล้ว
ก็ตักเศษลิปสติกที่ติดอยู่ก้นหลอดออกมาใส่ไว้ในตลับยาแบบที่มีหลายๆ ช่อง โดยทำแบบเดียวกันนี้กับลิปติกสีอื่นๆ เพื่อทำเป็นพาเลตต์ลิปติกแบบพกพา
นะคะ
ที่มา นิตยสาร ลิซ่า เดือนกันยายน 2554

วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2554

10 วิธีง่ายๆกับการกินอาหารเพื่อให้คุณดูดี


  
ในแต่ละวันเราจำเป็นต้องรับประทานอาหารมากมาย มีคำแนะนำจากหลายสำนักให้กินนั่น ห้ามกินนี่จนไม่รู้จะเชื่อใครดี วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับง่ายๆ ของการกินให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพอย่างเต็มที่มาฝาก
1. กินอาหารเช้า เป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่ส่งผลต่อจิตใจ และพลังชีวิตของคุณไปตลอดทั้งวัน และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยเผาผลาญพลังงานให้ดีขึ้น ทำให้คุณกินอาหารในมื้ออื่นๆ น้อยลง
2. เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร ยอมจ่ายแพงสักนิดใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวัน ปรุงอาหารแทนน้ำมันแบบเดิมที่เคยใช้ เพราะเป็นไขมันที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย และมีกรดไขมันอิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี
3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น คนเราควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย (ยกเว้นในรายที่ไตทำงานผิดปกติ) เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูระบบขับถ่าย รักษาระดับความเข้มข้นของเลือด จะทำให้สดชื่นตลอดวันเลยทีเดียว
4. เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูก ด้วยการดื่มนม กินปลาตัวเล็กทั้งตัวทั้งก้าง เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผักใบเขียว เพราะแคลเซียมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและกระดูก ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
 
5. บอกลาขนมและของกินจุบจิบ ตัดของโปรดประเภทโดนัท คุกกี้ เค้กหน้าครีมหนานุ่ม ออกจากชีวิตบ้าง แล้วหันมากินผลไม้เป็นของว่างแทน วิตามิน และกากใยในผลไม้ มีประโยชน์กว่าไขมัน และน้ำตาลจากขนมหวานเป็นไหนๆ
6. สร้างความคุ้นเคยกับการกินธัญพืชและข้าวกล้อง เมล็ดทานตะวัน ข้าวฟ่างและลูกเดือย รวมทั้งข้าวกล้องที่เคยคิดว่าเป็นอาหารนก ได้มีการศึกษาและค้นคว้าแล้ว พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล
7. จัดน้ำชาให้ตัวเอง ทั้งชาดำ ชาเขียว ชาอู่ล่ง หรือเอิร์ลเกรย์ ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ การดื่มชาวันละ 1 ถึง 3 แก้ว ช่วยลดอัตราเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารถึง 30%
8. กินให้ครบทุกสิ่งที่ธรรมชาติมี คุณต้องพยายามรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้หลากสี เป็นต้นว่า สีแดงมะเขือเทศ สีม่วงองุ่น สีเขียวบล็อกเคอรี สีส้มแครอท อย่ายึดติดอยู่กับการกินอะไรเพียงอย่างเดียว เพราะพืชต่างสีกัน มีสารอาหารต่างชนิดกัน แถมยังเป็นการเพิ่มสีสันการกินให้กับคุณด้วย
9. เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักปลา การกินปลาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ได้ทั้งความฉลาดและแข็งแรง เพราะปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีน ที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และบำรุงเซลล์สมอง ทั้งยังมีไขมันน้อย อร่อย ย่อยง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหุ่นเพรียวลมเป็นที่สุด
10. กินถั่วให้เป็นนิสัย ทำให้ถั่วเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่คุณต้องกินทุกวัน วันละสัก 2 ช้อน ไม่ว่าจะเป็นของหวานของคาว หรือว่าของว่างก็ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญๆ หลายชนิด ต่างพากันไปชุมนุมอยู่ในถั่วเหล่านี้ ควรกินถั่วอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรกินครั้งละมากๆ เพราะมีแคลอรี่สูง อาจทำให้อ้วนได้
ถ้าปฏิบัติให้ได้ครบทุกข้อตามคำแนะนำข้างต้นนี้จนเป็นนิสัย สุขภาพดีๆ จะไปไหนเสีย !!

โปรดระวังเวลาขยี้ตา อันตราย!!


ชายคนหนึ่งรู้สึกระคายเคืองที่ตา เขาคิดว่าเป็น ผงหรือฝุ่นเข้าตา จึงขยี้ตาเพื่อเอาฝุ่นออก
แต่ตาเขาเริ่มแดงจึงไปซื้อยาหยอดตามาหยอด หวังว่า ฝุ่นจะออกจากตา แต่ก็ไม่หาย
ด้วยความระคายเคือง จึงขยี้อีก แต่ตากลับยั่งบวมและแดง
ผ่านไปหลายวัน ตาเริ่มหายแดง บวมยุบลง เขาจึงไปพบแพทย์เพื่อตรวจดู
แพทย์ตัดสินใจผ่าตัด เพราะเกรงว่าจะเป็นเนื้องอก แต่ผลการผ่าตัด กลับเป็นว่า
เป็น "หนอนตัวหนึ่ง" เนื่องจาก ฝุ่นที่ปลิวเข้าตานั้น เป็นไข่ของแมลง เข้าไปเจริญเติบโตในตา...
*** ดังนั้น หากมีปัญหา ฝุ่น หรือ ผงเข้าตา และฝังแน่น ทำอย่างไรไม่ออก ให้รีบ พบแพทย์ทันที....***

โปรดระวังเวลาขยี้ตา
fwd mail

ถ้าซ้ำก้อขอโทดด้วยนะคะ

เห็นมันน่าสนใจ ก็เลยเอามาให้ดูอ่ะค่ะ

เรื่องเซนส์ ที่ผู้ชายเจ๋งกว่าผู้หญิง


อึ้ง! เผย "ผู้ชายกว่าครึ่งหนึ่งรู้ถึง "หญิงที่ใช่"เพียงแค่เดทครั้งเดียว
ผู้หญิงนานกว่า-ถึง "หกครั้ง"
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผลสำรวจที่กระทำต่อผู้ชายและผู้หญิงกลุ่มละ 1,500 คน อายุระหว่าง 16-86 ปี พบว่า ผู้ชาย 1 ใน 5 จะตกหลุมรักเพียงแค่แรกเห็น และกว่าครึ่งหนึ่งจะรู้ถึง "ผู้หญิงที่ใช่" ภายหลังได้ออกเดทด้วย กันเพียง 1 ครั้ง และเกือบ 1 ใน 3 จะตกหลุมรักหลังออกเดทได้ 3 ครั้งขณะเดียวกัน ผู้หญิง 1 ใน 10 เท่านั้นที่จะมีประสบการณ์รักเพียงแรกเห็น โดยส่วนใหญ่จะคอยจนกว่าเดทครั้่ง 6 ก่อนที่จะตัดสินใจว่า พวกเธอได้พบผู้ชายที่ใช่แล้วหรือไม่
ผลสำรวจนี้ถือเป็นหักทฤษฎีก่อนหน้านี้ที่เชื่อว่า ผู้หญิงมักเป็นเพศที่มีโอกาสตกหลุมรักโดยฉับพลันจากประสบการณ์ของตัวเอง โดยผลสำรวจนี้ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างทัศนะของชายและหญิงเกี่ยวกับความหมายของการตกหลุมรักและวิธีการเลือกคู่ครองของแต่ละเพศ
 ศาสตราจารย์อเล็กซานเดอร์ กอร์ดอน นักจิตวิทยา กล่าวว่า ผู้ชายมีแนวโน้มที่จะวัดระดับปัจจัยของเพศตรงข้ามอย่างคร่าว ๆ และฉาบฉวยกว่า เช่น ใบหน้า ว่า พวกเขาควรจะตกหลุมรักหรือไม่ ส่วนผู้หญิงจะซับซ้อนกว่า 
โดยพวกเธอจะชั่งน้ำหนักระหว่างส่วนดีและส่วนเสียก่อนจะตัดสินใจ โดยผู้หญิงจะอ่านสถานการณ์ทางสังคมได้ดีกว่าผู้ชาย และน่าจะตั้งคำถามกับตัวเองมากกว่า หลังจากมีเดท เช่น ผู้ชายที่คุยด้วย ทำให้เธอรู้สึก"มั่นคง"หรือไม่ หรือ"สามารถ"เป็นพ่อที่ดีของลูกเธอได้หรือไม่ และกล่าวได้ว่า ผู้หญิงจะเฉียบแหลมกว่าผู้ชายในการเลือกคู่ชีวิต
อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ ประสบการณ์รักครั้งแรก โดยทั้งชายและหญิง ต่างคิดว่ารักครั้งแรกเป็นความรักที่ติดตัวพวกเขายาวนานที่สุด โดย 1 ใน 4 บอกว่า พวกเขาไม่สามารถลืมรักเก่าได้อย่าง 100 %
นสพ.มติชน