Homebright

Bright

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะค่ะ:D
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เคล็ดไม่ลับ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ เคล็ดไม่ลับ แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ผมหงอกก่อนวัย


สาเหตุที่ผมขาวก่อนวัย เกิดได้จาก
1.โรคที่บริเวณศีรษะ เช่น ด่างขาว ผมร่วงเป็นหย่อม ซึ่งจะทำให้เกิดผมขาวอย่างผิดปกติ เป็นหย่อมๆ หรือทั่วทั้งศีรษะ ซึ่งควรไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง
2.ไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะในรายที่ผมขาวก่อนวัย เช่น ในคนเอเชียจะถือว่า หากผมขาวก่อนอายุ 25 ปี ถือว่าเป็นผมขาวก่อนวัย ซึ่งยังไม่มีคำอธิบายอย่างชัดเจนว่าเกิดจากอะไร แต่ส่วนหนึ่งมาจากกรรมพันธุ์ ทั้งนี้ตามปกติเซลล์สร้างเม็ดสีจะผลิตลดลงเรื่อยๆ ทุก 10-20 ปี ทำให้เกิดผมขาวขึ้น 
เนื่องจากไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน การป้องกันจึงยังไม่มีวิธีเฉพาะเจาะจง แต่พบว่า การพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกาย ไม่เครียดมาก ไม่สูบบุหรี่ อาจจะช่วยได้ เพราะหากร่างกายเกิดความเครียด หรือเจ็บป่วย จะทำให้เซลล์เม็ดสีเสื่อมสมรรถภาพมากขึ้นได้ 
ส่วนการกินวิตามินเสริม จำเป็นเฉพาะในรายที่ขาดวิตามินเท่านั้น ส่วนคนทั่วไปจะได้รับวิตามินจากอาหารที่รับประทานเข้าไปอยู่แล้ว หากไม่ได้อยู่ในภาวะขาดวิตามิน ก็ไม่มีความจำเป็นต้องกินวิตามินเสริมแต่อย่างใด 
 สำหรับเรื่องผมร่วงนั้น มีข้อสังเกตง่ายๆ ว่ามีภาวะผมร่วงหรือไม่ ให้ดูว่าร่วงเกินวันละ 100 เส้นหรือไม่ เส้นผมลีบเล็กกว่าเดิมหรือเปล่า และหนังศีรษะมันจนต้องสระบ่อยๆ ใช่ไหม
ความเครียด เป็นสาเหตุที่กระตุ้นให้ต่อมไขมันสร้างน้ำมันมากเกินไป จนไปอุดตันรากผม ทำให้รากผมตีบตันขาดสารอาหารไปหล่อเลี้ยง เส้นผมจึงหลุดร่วงง่าย
การแก้ไขเบื้องต้นคือ บริหารความเครียดให้ลดลง เลือกกินวิตามินและแร่ธาตุ ซึ่งช่วยบำรุงรากผมและเส้นผมให้แข็งแรงขึ้น เช่น ธาตุเหล็ก ไอโอดีน สังกะสี แมกนีเซียม เซเลเนียม ที่มีอยู่ในอาหารทะเล รวมทั้งวิตามินบี และวิตามินบี 5 ที่มีในเนื้อ ตับ ถั่ว และมันฝรั่ง ส่วนไขมันก็ต้องบริโภคบ้าง อาทิ ไข่แดง และน้ำมันตับปลา รวมถึงเนยธรรมชาติ 
 ถ้ามีปัญหาหนังศีรษะมันมาก มีสะเก็ดรังแคก็ควรใช้แฮร์โทนิกควบคู่ด้วย โดยแฮร์โทนิกควรมีคุณสมบัติในการละลายไขมันที่อุดตันรากผม มีสารที่ช่วยให้การไหลเวียนของเลือดบริเวณหนังศีรษะดีขึ้น และมีสารอาหารที่ช่วยบำรุงรากผมและหนังศีรษะ
ควรเลือกใช้แชมพูที่มีสูตรอ่อนโยน สระได้ทุกวัน หลีกเลี่ยงเส้นผมจากสารเคมีที่เข้มข้นจนเกินไป ไม่ว่าจะเป็นสารเคมีย้อมผม แชมพู มอยส์เจอไรเซอร์ ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม และเลี่ยงการใช้ความร้อนกับเส้นผม เช่น แสงแดดแรงๆ การเป่าร้อน รีดผมด้วยความร้อน การทำเซาน่า
 หากอยากบำรุงเส้นผมควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันเมล็ดอัลมอนด์ ป้องกันเส้นผมจากแสงแดดด้วยหมวกหรือร่ม 
 ทำความสะอาดเส้นผมทันทีหลังถูกคลอรีนหรือเกลือ โดยหลังจากว่ายน้ำหรือเล่นน้ำในสระว่ายน้ำหรือในทะเล ต้องรีบสระผมให้สะอาด เพื่อชะล้างคลอรีนจากน้ำในสระหรือเกลือธรรมชาติความเข้มข้นสูงในน้ำทะเล 
 เลิกสูบบุหรี่ เนื่องจากสารพิษในบุหรี่กระทบต่อระบบไหลเวียนโลหิตของร่างกาย ขวางออกซิเจนและสารอาหารที่จะไปหล่อเลี้ยงเซลล์ต่างๆ รวมทั้งเครื่องดื่มที่มีกาเฟอีน อาทิ ชา กาแฟ ที่ส่งผลให้เส้นเลือดหดตัว 
สุดท้าย เอาชนะความเครียด อันเป็นปัจจัยที่ทำให้รากผมอ่อนแอและผมร่วงก่อนวัย ทำได้หลายรูปแบบ เช่น หันเข้าทางธรรม ฝึกสมาธิ หรือเล่นกีฬา หางานอดิเรกทำเพลินๆ
รู้ไปโม้ด nachart@yahoo.com

วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ทะเลาะอย่างไรให้ลงตัว


หากเกิดปัญหาขึ้น เราจะประนีประนอมถนอมความรู้สึกคน รักได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหยุมหยิมไปจนถึงเรื่องการให้เกียรติกัน และความเสมอภาคเท่าเทียม เราจำเป็นที่จะต้องรู้วิธีที่จะจัดการ กับความขัดแย้งเหล่านี้ คุณจะตำหนิเขาอย่างไร โดยที่ไม่ใช้คำพูด ถากถางเขา คุณจะขอร้องเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการอย่างไรโดยไม่มีการ ข่มขู่ หรือทะเลาะกันด้วยวิธีไหนด้วยคำพูดและการกระทำแบบใดที่ จะไม่ทำให้คุณเสียใจภายหลัง ติเตียนโดยไม่ใช้คำพูดที่รุนแรง
  วิธีนี้เราควรฝึกฝนไว้ใช้กับทุกๆเรื่องในชีวิตประจำวัน ลองนึกดูสิว่าถ้าเจ้านายของคุณ ตำหนิคุณเรื่อง งานโดยใช้คำพูดที่คุณฟังแล้วไม่รู้สึกว่าตัวเองงี่เง่า ถ้าเป็นแบบนั้นคุณก็จะไม่รู้สึกเครียดเลย หรือการที่คุณ สามารถบอกคนรักได้ว่าคุณไม่พอใจที่เขาทิ้งกางเกงในเกะกะบนพื้น โดยไม่ใช้คำพูดถากถางเขา สิ่งที่ควร ทำคือคุณควรรู้จักยั้งคำพูดเอาไว้บ้าง ไม่ใช่ว่าระเบิดออกไปอย่างกราดเกรี้ยว แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเรา แนะให้คุณเก็บกดความโกรธเอาไว้นะ คุณสามารถบอกคนรักเข้าใจความรู้สึกของคุณโดยนำการกระทำ และความรู้สึกมาผูกไว้ในประโยคคำพูด เช่น "เวลาคุณ(การกระทำของเขา) ฉันรู้สึก(ความรู้สึกของคุณ)" โดยคุณเพียงแต่เติมคำลงในวงเล็บ ซึ่งควรเป็นคำพูดที่ตรงและเห็นภาพได้ เช่น "เมื่อคุณทิ้งกางเกงในเกะ กะบนพื้น มันทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิด" พยายามหลีกเลี่ยงคำพูดใดๆ ที่จะไปพาดพิงถึงแรงจูงใจใดๆ ของ ผู้กระทำ เช่น "เมื่อคุณทิ้งกาเกางชั้นในเกะกะบนพื้น มันทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นทาสของคุณที่ต้องคอย ตามเก็บ" พูดอะไรให้มันตรงประเด็นและเข้าใจได้ง่าย
หลีกเลี่ยงการพูดจาดูแคลน
          การพูดจาดูถูกกันไม่ได้เป็นผลดีอะไรขึ้นเลย รวมถึงแววตาที่แสดงความรังเกียจสะอิดสะเอียน หรือ คำพูดที่ออกแนวเยาะเย้ย สิ่งเหล่านี้เป็นสัญญาณร้ายส่อว่าชีวิตคู่มีปัญหาขนาดหนักที่คุณจำเป็นต้องเปิดอก คุยกันแล้ว อย่าเพิกเฉยต่อสัญญาณเหล่านี้ หากคุณเริ่มรู้สึกว่าตัวเองพูดจาเชิงเยาะเย้ยคนรักเมื่อใด เมื่อนั้น คุณควรสำรวจทบทวนความรู้สึกของตนเองได้แล้ว คุณกำลังคิดว่าไม่ว่าเขาทำอะไรมันก็ผิดไปหมด แล้ว สิ่งที่คุณทำนั้น มันถูกทุกอย่างแล้วเหรอ คุณควรมองพฤติกรรมของคนรักในแง่มุมอื่นๆดูบ้าง
โทษที่การกระทำ ไม่ใช่ที่ตัวผู้กระทำ
             การกล่าวโทษว่าตัวเขาน่ะผิด ไม่ใช่การกระทำของเขาที่ผิด จะนำไปสู่ปัญหาได้ ซึ่งเราก็โทษกันแบบ นี้อยู่บ่อยๆ "คุณไม่เคยเห็นคุณค่าของฉันเลย" ไม่มีใครพอใจที่ถูกกล่าวหาอย่างนั้นหรอก และคนเราเมื่อ ถูกกล่าวหาก็จะต้องพูดจาปกป้องตัวเอง ดังนั้นเมื่อคุณรู้สึกโกรธและอยากจะระบายออกมา คุณควรจะสงบ สติอารมณ์และคิดมุ่งไปที่ตัวปัญหา ถ้าคุณอยากให้เขารู้ถึงความรู้สึกของคุณ ก็ควรใช้คำพูดที่บ่งถึงการ กระทำของเขาที่กระทบความรู้สึกของคุณ พูดเฉพาะการกระทำที่ทำให้คุณโกรธแทนที่จะพูดว่า "เวลา คุณโมโหนี่เหมือนวัวบ้าเลยนะ" ควรพูดว่า "เวลาคุณโมโหขึ้นมาฉันรู้สึกกลัวค่ะ"
พูดกันให้เข้าใจ
          ความมั่นคงทางอารมณ์นั้น เกี่ยวข้องกับการเข้าใจในความรู้สึกของตัวคุณเอง และสามารถแสดงมัน ออกมาได้อย่างตรงไปตรงมา ไม่ไปพาลโทษสิ่งอื่นใด และมีความสามารถที่จะหาวิธีแก้ไขปัญหานั้นๆได้ คู่รักที่รู้จักสงบสติอารมณ์และหลีกเลี่ยงการขัดแย้ง โดยรู้จักการประนีประนอมก็จะอยู่กันได้อย่างมีความสุข แต่การประนีประนอมอาจเป็นไปได้โดยไม่ราบรื่น หากอีกฝ่ายหนึ่งนิ่งเฉย ไม่ยอมให้ความร่วมมือด้วย โดยการไม่พูดการที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเงียบเฉยไม่ยอมพูดจาปรับความเข้าใจกัน ก็จะทำให้ความสัมพันธ์จบ ลงได้
ขจัดความคิดทางลบ
              ความคิดในเชิงลบอาจทำให้ชีวิตรักพังพินาศได้ หากแฟนของคุณเต้นรำใกล้ชิดติดร่างเพื่อนสนิท ของคุณเกินไปสักหน่อย มันไม่ได้หมายความว่าเขากำลังพยายามลวนลามเธอ และหมดรักคุณแล้ว พึงจำไว้ว่าการกระทำที่ไม่ดีเพียงครั้งเดียยว ไม่ได้ทำให้คนคนนั้นกลายเป็นคนเลวไปเลย ขจัดความคิดในนเชิง ลบออกไปจากหัวสมองของคุณเสียก่อนที่มันจะสายเกินไป
ไว้ใจในญาณสังหรณ์
           
  ญาณสังหรณ์เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวในทางอารมณ์แห่งความสัมพันธ์นั้นอาจเกิดขึ้นได้ แต่ก็อาจจะ แปรปรวนกลายเป็นเรื่องประสาทๆ หวาดระแวงได้ง่ายเช่นกัน อย่างถ้าคุณกำลังถกเถียงกันอยู่ และคู่รัก ของคุณกล่าวหาว่าคุณเป็นอย่างโน้นอย่างนี้ ก็จงหาแก่นของความจริงในสิ่งที่อาจดูเหมือนว่าเป็นความ หวาดระแวงจนเกินเหตุนั้น บางทีคุณอาจจะเพิ่งโมโหโกรธาในเรื่องขี้ประติ๋ว (ที่อาจจะไม่เกี่ยวกับหัวข้อที่ถกเถียงอยู่เลย) จนทำให้อารมณ์ของคุณมีความเคลื่อนไหวไปในทางลย คู่ของคุณเขาก็จะรู้สึกได้ถึงความ เฉยเมยในอารมณ์นั้นของคุณ ก็เลยทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่
ควบคุมความโกรธ
             ความโกรธเป็นสิ่งที่เราต้องระบายมันออกมา แต่การระเบิดความโกรธอย่างเดือดดาลนั้นไม่เป็นผลดี แต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม การสะกดกลั้นมันเอาไว้ก็เป็นโทษได้เช่นกัน จากการวิจัยพบว่ายิ่งเก็บความโกรธไว้มากเท่าไหร่ ก็จะนำไปสู่การระเบิดทางอารมณ์ที่รุนแรงมากเท่านั้น วิธีการจัดการกับความโกรธก็คือการสงบสติอารมณ์โดยเบนความสนใจไปที่สิ่งอื่น เช่น เลี่ยงออกไป เดินข้างนอกเสียและคิดถึงเรื่องอื่นๆแทน พอคุณเริ่มสงบลงก็กลับมาพูดกันใหม่ โดยใช้เหตุผล อย่าให้อารมณ์รุนแรงมาแทรก
                  ถ้าปรับความเข้าใจกันได้ก็จะใกล้ชิดกันมากขึ้น ถ้าคุณฝึกทักษะเหล่านี้ได้สำเร็จ บทเรียนที่คุณจะได้รับนอกจากคุณสามารถสร้างการสื่อสารที่เยี่ยม ยอดแล้ว คุณยังได้รับความใกล้ชิดสนิทสนมเป็นรางวัล เพราะเมื่อคุณสามารถบอกคนรักได้ถึงความรู้สึกของคุณ และรับฟังความรู้สึกของเขาได้เช่นกัน ความใกล้ชิดก็จะบังเกิดขึ้น และเมื่อนั้นคุณและคนรักก็จะรู้สึกถึงความมั่นคง ซึ่งทั้งหมดนี้แหละที่เรียกว่า รักแท้

การดูแลรักษากล้องดิจิตอล


1. การทำความสะอาดกล้องดิจิตอล
การทำความสะอาดกล้องเป็นเรื่องง่ายและต้องทำอย่างถูกต้องด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่จะรักษาเลนส์ให้สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่เสมอปราศจากรอยนิ้วมือ
ก่อนทำการเช็ดเลนส์ ให้จับด้านบนของตัวกล้อง และเป่าฝุ่นออก จากนั้นให้เช็ดเลนส์และส่วนอื่นๆของตัวกล้องเบาๆ ด้วยผ้าแห้งหรือกระดาษสำหรับทำความสะอาดเลนส์
หากจำเป็นให้เช็ดเลนส์ด้วยน้ำยาทำความสะอาดเลนส์เพียงเล็กน้อย หยดน้ำยาทำความสะอาดลงบนกระดาษทำความสะอาดเลนส์ อย่าหยดลงบนตัวเลนส์โดยตรง
ผ้าที่ทำความสะอาดกล้องได้ดีที่สุดจะทำมาจากพวกไมโครไฟเบอร์ที่เก็บไว้ในถุงพลาสติกหากไม่ใช้งาน ตัวอย่างเช่น ผ้าเช็ดหน้าบางๆ หรือเสื้อที่เป็นผ้าคัตตอนก็สามารถนำมาใช้ได้ ส่วนผ้าขนหนู กระดาษเช็ดปาก หรือกระดาษทิชชูอาจจะไม่เหมาะสำหรับทำความสะอาดเลนส์
2. การซ่อมแซมกล้องดิจิตอล
กล้องดิจิตอลสร้างขึ้นด้วยขนาดที่เล็กกะทัดรัดและมีส่วนประกอบอิเล็คทรอนิคจำนวนมากที่ยากต่อการซ่อมแซม ดังนั้น ในการซ่อมแซมกล้องดิจิตอลต้องอาศัยอุปกรณ์และเครื่องมือที่มีมาตรฐาน
ปัญหาโดยทั่วไปของกล้องดิจิตอล
ปัญหาโดยทั่วไปที่พบบ่อยที่สุดก็คือเลนส์ซูมไม่ทำงาน กล้องไม่โฟกัสหรือไม่จับภาพ และข้อความต่างๆที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ LCD เกิดขัดข้อง สิ่งเหล่านี้คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งกับกล้องดิจิตอล
ปัญหาอื่นๆ ก็จะเกี่ยวกับ memory card หากเสียบ card ผิดวิธีก็อาจทำให้เกิดความเสียหายได้ และเรื่องของหน้าจอมีรอยขีดข่วน
สิ่งที่จะต้องตรวจสอบก่อนนำกล้องไปทำการซ่อม
แบตเตอรี่หมด กล้องจะไม่ทำงานหากแบตเตอรี่หมด ให้ลองใส่แบตเตอรี่ใหม่เข้าไปบางทีกล้องอาจจะไม่ได้เสียอย่างที่คิดก็ได้
การควบคุมตัวกล้องเป็นไปได้ที่อาจจะกดปุ่มผิดเข้าโดยบังเอิญ ให้ลองตรวจสอบการตั้งค่าดู
memory card เต็ม หาก memory card เต็ม กล้องจะไม่สามารถเปิดได้ ให้ลองเช็คดู
ให้ลองรีเซ็ทกล้องให้ลองรีเซ็ทกล้องใหม่ผ่านทางเมนูหรือการเอาแบตเตอรี่ออกประมาณ 24 ชั่วโมง
OK มันคงเสียจริงๆ
หากทดลองทำตามข้อแนะนำข้างต้นแล้วยังใช้ไม่ได้อยู่อีก ให้โทรหาศูนย์บริการซ่อมได้เลย ควรถามถึงระยะเวลาในการซ่อมแซมและถามถึงการรับประกันสินค้าด้วย หากจะซ่อมอุปกรณ์เล็กๆน้อยๆ ให้หาร้านที่มีในท้องที่ดูเพื่อค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า
ให้ตรวจสอบบริการต่างๆของผู้ผลิต
การทำงานที่ผิดพลาดของตัวกล้องในบางครั้งก็เป็นความผิดพลาดของตัวผู้ผลิตเอง ให้ศึกษารายละเอียดของสินค้า ทางบริษัทก็จะทำการซ่อมแซมให้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ แม้ว่าจะเกินกำหนดระยะเวลาของการรับประกันสินค้ามาแล้วก็ตาม ดังนั้นก่อนที่จะส่งกล้องไปซ่อมให้เข้าไปดูเว็บไซต์ของบริษัทผู้ผลิตเพื่อหาข้อมูลหากมีข้อมูลที่เกี่ยวกับตัวกล้องของคุณ
3. กล้องดิจิตอลกับสภาพอากาศสภาพอากาศแบบร้อน หนาว หรือมีฝนตก อาจไม่เป็นอุปสรรคในการถ่ายภาพด้วยกล้องดิจิตอลของคุณ อย่างไรก็ตาม การป้องกันอุปกรณ์ของกล้องไม่ให้ได้รับความเสียหายไว้ก่อนก็ยังดีกว่า
การเก็บอุปกรณ์ไว้ในถุงใส่กล้องที่กันน้ำจะช่วยให้ป้องกันกล้องจากสภาพอากาศต่างๆได้ หากมีตัว filter ติดอยู่ เช่น skylight filter ก็ให้ใช้อุปกรณ์ที่สามารถปกป้องเลนส์ได้
หากฝนเกิดตกลงมากะทันหันขณะที่คุณกำลังแบกกล้องอยู่ ก็ให้เอาแจ็คเก็ตหรือเสื้อคลุมเอาไว้ก่อน หรือหากกล้องมีขนาดเล็กกะทัดรัด ก็ให้เอาไส่กระเป๋ากางเกงหรือกระเป๋าเสื้อไว้ ในกรณีที่เตรียมพร้อมรับมือกับฝนอยู่แล้ว ช่างภาพบางคนก็เอาถุงพลาสติกคลุมรอบๆตัวกล้องไว้
ในสภาพอากาศที่หนาวมากๆ ให้เก็บกล้องไว้ในที่อุ่นๆหน่อย ส่วนในสภาพอากาศที่ร้อนก็อย่าให้กล้องถูกแสงแดดโดยตรง ควรหาผ้ามาคลุมกล้องไว้ อย่างเช่น ผ้าขนหนู, หรือผ้าที่มีสีสว่างหน่อย ทำให้กล้องไม่ดูดซับความร้อนมากเกินไป อย่าทิ้งกล้องหรืออุปกรณ์เกี่ยวกับตัวกล้องไว้ในรถที่เย็นหรือร้อนมากๆ
4. สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ ในการดูแลรักษากล้องดิจิตอล
สิ่งที่ต้องทำ
ทำความสะอาดกล้องอย่างสม่ำเสมอ
จับทุกๆส่วนของตัวกล้องด้วยความทะนุถนอม
ปิดกล้องก่อนที่จะเอาแบตเตอรี่ออกหรือถอดสายเคเบิลออก หรือ ถอด memory card
รักษากล้องให้อยู่ในสภาพแห้งและให้ห่างจากที่ที่มีน้ำอยู่เสมอ
เก็บกล้องให้ถูกวิธี หากจะไม่ใช้งานเป็นระยะเวลานาน
สิ่งที่ไม่ควรทำ
อย่าให้กล้องได้รับแรงสั่นสะเทือน, ใกล้กับแม่เหล็ก, กลุ่มควัน, น้ำ, ไอน้ำ, ทราย, หรือสารเคมี
เก็บหรือใช้งานในที่ที่เปียกชื้น ที่ที่มีฝุ่นเยอะๆหรือที่ที่สกปรก
เก็บกล้องในที่ที่มีอุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินไป
ให้สัมผัสแสงแดดโดยตรงเป็นระยะเวลานาน หรือเอาไว้ในรถเมื่ออากาศร้อนมากๆ
ขีดข่วนกล้องด้วยวัตถุมีคม
ทิ้งไว้ในน้ำ
วิธีการเก็บกล้องดิจิตอล
การดูแลรักษาเป็นสิ่งจำเป็น หากคุณต้องการให้กล้องมีอายุการใช้งานได้ยาวนาน จึงควรเก็บกล้องไว้ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก ให้ห่างจากความชื้นและความสกปรก
ก่อนที่จะเก็บกล้องดิจิตอล ต้องแน่ใจว่าได้ปิดเครื่องแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้กล้องเกิดความเสียหายได้ ให้ถอดแบตเตอรี่ออกและเก็บไว้ในที่ที่แห้ง แนะนำว่าให้ใส่ถุงพลาสติกที่มีความแห้งมากๆ เช่น ซิลิกา เจล ซึ่งจะดูดซับความชื้นไว้ได้ดี

นิสัยแย่ๆ (ของผู้หญิง) ที่ผู้ชาย Say No !


นิสัยแย่ๆ (ของผู้หญิง) ที่ผู้ชาย Say No !
เอาแต่ใจ ขี้จุกจิก ขี้งอล ขี้บ่น ชอบเหวี่ยง .. ก็ดูจะเป็นเรื่องธรรมดาของ สาวๆ กันหนิเนอะ !! แต่รู้ไหมจ๊ะสาวๆ ถ้าเป็นมากๆมันก็ไม่ดีนะ เดี๋ยวผู้ชายเขาจะวิ่งหนีหายไปซะก่อน ถ้าไม่อยากโสดนานๆ ขึ้นคานเป็นปีๆ 
ลองมาสแกนตัวเองกันดีกว่า ว่า นิสัยแย่ๆแบบไหน ที่ผู้ชาย Say No!!!
 พูดมากเกิ๊นมีผลการศึกษาจากต่างประเทศเผยให้เห็นว่า ผู้หญิงพูดมากกว่าผู้ชายถึง 3 เท่า!! โดยพวกเธอจะพูดราว 20,000 คำต่อวัน เมื่อเทียบกับผู้ชายที่พูดเพียง 7,000 คำต่อวันเท่านั้น ความจริงมันก็ยอมรับได้อยู่หรอกนะ ถ้าเธออยากจะเล่าเรื่องอะไรให้คุณฟัง แต่ถ้าเกิดพูดเรื่องเดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมาอยู่บ่อย ๆ มันน่าเบื่อเหมือนกันนะ
 เกลียดแฟนเก่าของคุณถึงแม้ว่าคุณกับแฟนเก่าจะจบกันไปนานแล้ว แต่ถ้าเมื่อไหร่คุณเผลอเอ่ยถึงอดีตให้แฟนคนปัจจุบันได้ยินแล้วล่ะก็ เธอมักจะคิดไปเองว่าคุณยังมีเยื่อใยต่อคนในอดีตอยู่ ทั้งที่มันไม่มีอะไรเลยสักนิดเดียว แล้วจากนั้นเธอจะสั่งคุณไม่ให้พูดถึงเรื่องของอดีตแฟนอีก แม้กระทั่งชื่อก็อย่าได้เอ่ยขึ้นมาเลยเชียว
 ปกปิดอดีตของตัวเองในบางครั้งแฟนสาวของคุณชอบมาถามเรื่องราวความรักในอดีตของคุณว่าเป็นมาอย่างไรบ้าง แต่พอคุณเริ่มถามเรื่องอดีตของเธอบ้าง กลับไม่ยอมปริปากพูดออกมาเลย หรือบางครั้งอาจเหวี่ยงใส่อีกต่างหากว่ามาถามทำไม แหมมม แบบนี้ก็ไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่นะ ความจริงแล้วที่ผู้ชายอยากรู้เรื่องราวในอดีตของแฟนสาว ก็เพื่อต้องการเรียนรู้ว่าเธอเป็นคนแบบไหน เจอเหตุการณ์อะไรมาบ้าง ไม่ได้อยากขุดคุ้ยหรือตอกย้ำแผลในใจของเธอสักหน่อย
 สวมเสื้อผ้าของคุณสำหรับคนที่อยู่ด้วยกันกับแฟน หลาย ๆ ครั้ง คุณมักจะพบว่า เสื้อเชิ้ตตัวเก่งของคุณหายไป แล้วบ็อกเซอร์ก็กลายไปเป็นกางเกงนอนของเธอซะงั้น สุดท้ายแล้วตู้เสื้อผ้าก็ไม่ใช่ของคุณอีกต่อไป เราว่าแบบนี้ก็เกินไปนะ อย่างน้อยมันก็เป็นของส่วนตัวของคุณ ที่ไม่ใช่ใครต่อใครจะมาหยิบไปใส่ได้ตามอำเภอใจสักหน่อย
 ไม่ชอบงานอดิเรกของคุณสาว ๆ บางคนมักบ่นเสมอว่า ทำไมหนุ่ม ๆ ชอบออกไปเตะบอล เล่นกอล์ฟ ปั่นจักรยาน หรือทำกิจกรรมอะไรกับก๊วนเพื่อนอยู่บ่อย ๆ เพราะเธอคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ และก็เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์มาก แต่กลับไม่ยักคิดว่าการที่พวกเธอไปจับกลุ่มนั่งเม้าท์ หรือนั่งดูละครน้ำเน่าก็เป็นอะไรที่ไร้สาระเหมือนกัน
 ขี้ระแวงเชื่อได้เลยว่าผู้ชายต้องเจอคำถามยอดนิยมของแฟนอยู่เป็นประจำ เช่น ”คุยโทรศัพท์กับใคร?” “วันนี้ไปส่งใครมา?” “เมื่อคืนแอบหนีไปเที่ยวผับมาหรือเปล่า?” ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมาก หากถูกถามบ่อย ๆ แถมบางครั้งพอตอบไปแล้ว ก็โดนยิงคำถามอื่นตามมาอีกเป็นชุด บอกได้คำเดียว…เพลีย!!
 ชอบถามว่า “ตอนนี้คิดอะไรอยู่?”เอ่อ…ถามมาแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วไม่ได้คิดอะไรเลยสักหน่อย หรือบางครั้งเห็นคุณมีสีหน้าหมองหม่นเหมือนมีเรื่องหนักใจ แต่ที่แท้คุณแค่ปวดท้องอยากถ่ายทุกข์ก็แค่นั้นเอง อย่างไรก็ดี เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงแล้ว เรื่องคิดมาก คิดเอาเอง เป็นของคู่กันอย่างแท้จริง จนบางครั้งคิดไปไกลถึงขั้นคิดว่า คุณเบื่อเธอแล้ว โอ้ มาย ก็อด!! คิดเลยเถิดไปถึงไหนแล้วที่รักกกก
 ขี้บ่นไปซะทุกเรื่องผู้หญิงบางคนบ่นได้บ่นดีไม่มีที่สุด ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็เก็บมาสาธยายให้ฟัง โดยเฉพาะเรื่องเสื้อผ้าและน้ำหนัก เช่น ”ทำไงดีล่ะตัวเอง เค้าไม่มีเสื้อผ้าจะใส่แล้วนะ สงสัยต้องพาไปซื้อชุดใหม่แล้วล่ะ” ทั้งที่ความจริงไอ้ที่แขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้าก็ยังใส่ไม่ครบเลย หรือไม่ก็บ่นว่า ”ที่รักดูสิน้ำหนักเค้าเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ทำไมถึงอ้วนขึ้นได้ก็ไม่รู้” แต่มือยังถือถุงขนมอยู่เลย แล้วจะบ่นทำไมล่ะหนอ
ถึงจะดู จู้จี้ ขี้บ่น เอาแต่ใจ .. อะไรก็แล้วแต่สาวๆก็เพลาๆลงบ้างก็ดีนะจ๊ะ เดินมาหากันคนละครึ่งทางก๋ยังดี ไม่ใช่ให้ฝ่ายชายง้อลูกเดียว แต่!หนุ่มๆก็อย่าเล่นตัวมากนักนะ รู้ไว้ซะ ผู้หญิงงอน ผู้หญิงจุกจิก เรื่องของเรา แสดงว่าเขาใส่ใจ และรักคุณจริงๆ ถ้าไม่รักเขาจะไม่ทำกับคุณแบบนั้นหรอก ^^
ขอบคุณข้อมูล Fwmailhttp://teen.mthai.com/love/36211.html

7 วิธีลดแน่นท้อง+ท้องอืด


7 วิธีลดแน่นท้อง+ท้องอืด
 
ได้แก่
(1). Small, frequent meals = มื้อเล็กๆ บ่อยๆ
อาหารมื้อใหญ่ หรือการดื่มน้ำคราวละมากๆ จะทำให้กระเพาะอาหารโป่งออก และหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างหย่อนลง กรดไหลย้อนได้มากขึ้น


(2). Cut the cake = ลดเค้กลงหน่อยชอคโกแล็ต โกโก้ และกาเฟอีน ซึ่งพบในกาแฟ เครื่องดื่มกระตุ้นกำลัง ชา โกโก้ ไมโล โอวัลติน ชอคโกแล็ต อาจทำให้อาการแย่ลง
...
อาหารไขมันสูง เครื่องเทศบางอย่าง อาหารทอด ผลไม้ตระกูล citrus (ส้ม ส้มโอ เกรฟฟรุตหรือเสาวรส), หอมดิบ มะเขือเทศ เนย น้ำมัน เปปเปอร์มินต์ (สะระแหน่ มีมากในหมากฝรั่ง) อาจทำให้อาการแย่ลง
ไม่จำเป็นต้องลดอาหารกลุ่มนี้ไปเสียหมด ขอเพียงจดบันทึกรายการอาหาร ทำเครื่องหมายไว้ว่า วันเวลาใดมีอาการมากประมาณ 2-3 อาทิตย์ จะเริ่มรู้ว่า อาหารใดแสลงโรคสำหรับเรา แล้วทดลองซ้ำ 2-3 ครั้ง ว่า แสลงจริง เพื่อจะได้กินครั้งละน้อยหน่อยต่อไป
(3). Don't drink alcohol = อย่าดื่มแอลกอฮอล์แอลกอฮอล์ทำให้หูรูดกระเพาะอาหารส่วนล่างคลายตัว กรดไหลย้อนได้ง่ายขึ้น
การศึกษาในปี 2542 พบว่า ยิ่งดื่มเหล้า เบียร์ ไวน์ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาก, อาการยิ่งแย่ลง (Am J Medicine)
(4). Another reason to shed pounds = อีกเหตุผลหนึ่งที่ (ควร) ลดน้ำหนักการศึกษากลุ่มตัวอย่างมากกว่า 10,000 คนในปี 2546 พบความสัมพันธ์ระหว่างดัชนีมวลกาย (body mass index / BMI) กับโรคกรดไหลย้อน หรือ "ยิ่งอ้วนยิ่ง(ท้อง)อืด" (Int J Epidemiology)
คนอ้วนเป็นโรคกรดไหลย้อนเกือบ 3 เท่าของคนไม่อ้วน
...
กลไกที่อาจเป็นไปได้ คือ คนอ้วนมีไขมันในช่องท้องมากขึ้น แรงดันในช่องท้องมากขึ้น แรงดันนี้ไปบีบกระเพาะอาหาร
กลไกอื่นที่อาจเป็นไปได้ คือ ไขมันในช่องท้อง หรือภาวะอ้วนลงพุง อาจปล่อยสารเคมีไปรบกวนการทำงานของทางเดินอาหาร
(5). Don't wear tight clothing = อย่าสวมเสื้อผ้าคับเสื้อผ้าคับๆ ทำให้แรงกดต่อกระเพาะอาหารมากขึ้น กรดไหลย้อนมากขึ้น
(6). Head up, Sleep better = เอียงหัวเตียงขึ้น, หลับสบายขึ้น
การหลีกเลี่ยงอาหาร น้ำ หรือเครื่องดื่มมื้อใหญ่ก่อนนอน 2-3 ชั่วโมง และหาอะไรหนุนหัวเตียงให้สูงขึ้น 6-8 นิ้ว ช่วยให้กรดไหลย้อนจากกระเพาะอาหารไปหลอดอาหารได้น้อยลง
...
การหนุนหมอนหลายใบไม่ช่วยให้อาการดีขึ้น
การศึกษาพบว่า กลไกสำคัญ คือ หลอดอาหารที่อยู่ในแนวนิ่งมากขึ้นทำให้กรดและน้ำย่อยในหลอดอาหารไหลลงกระเพาะฯ ได้เร็วขึ้น 67%

(7). quit smoking = หยุดสูบบุหรี่นิโคตินในบุหรี่ ทำให้หูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง (lower esophagus sphinctor / LES) หย่อนตัว ทำให้อาหาร น้ำ กรด น้ำย่อยไหลย้อนกลับจากกระเพาะอาหาร ขึ้นไปยังหลอดอาหารได้ง่าย
...
นิโคตินทำให้น้ำดีที่ช่วยย่อยไขมันในลำไส้เล็ก ไหลย้อนกลับ จากลำไส้เล็กไปกระเพาะอาหาร ซึ่งทำให้กระเพาะฯ และหลอดอาหารบาดเจ็บจากน้ำดีได้
นิโคตินมีฤทธิ์ทำให้การหลั่งน้ำลายลดลง น้ำลายมีสารเบสหรือด่างไบคาร์บอเนต คนรูปร่างใหญ่ (ฝรั่งขนาด 70 กิโลกรัม) กลืนน้ำลายวันละประมาณ 1.5 ลิตร ซึ่งช่วยปกป้องหลอดอาหารจากกรด เมื่อน้ำลายน้อยลง... หลอดอาหารจะบาดเจ็บได้ง่ายขึ้น
...



วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2555

เลือกนาฬิกาสวยๆ ให้เหมาะกับ "ข้อมือ"

 แฟชั่น


สำหรับคุณสาวๆที่กำลังมองหานาฬกาข้อมือประจำสักเรือน นาฬิกาข้อมือ นอกจากสามารถใช้ดูบอกเวลาแล้วนั้น ยังสามารถใช้เป็นเครื่องประดับ เสริมความโดดเด่นให้กับข้อมือของเราได้อีกด้วยนะคะ ทีนี้เรามาดูกันว่าข้อมือของเราเหมาะที่จะเลือกนาฬิกาแบบใหนดีคะ เผื่อใช้ประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อนาฬิกาคะ ^_^ ซื้อทั้งทีก็ให้ดีไปเลยเนอะ

ผู้หญิงข้อมือเล็ก 
นาฬิกาที่ไม่เหมาะ และไม่ควรจะเลือกเลย คือนาฬิกาที่เป็นสายเหล็กหรือสายหนัง เพราะทำให้คุณต้องตัดสายนาฬิกาหลังจากซื้อแล้ว ถ้าลองใส่แล้วหลวมขนาดต้องตัดสายจนหมดระยะบังคับแล้วก็ยังหลวมอยู่มาก ทำให้คุณต้องตัดสายเกินกว่าที่กำหนด สายจะบิดไปด้านใดด้านหนึ่งและไม่อยู่กึ่งกลางของข้อมือ ดังนั้นเวลาใส่จะทำให้ เคลื่อนไหวข้อมือไม่ถนัด และที่สำคัญคือทำให้นาฬิกาแลดูไม่สวย ดังนั้นนาฬิกาที่เหมาะสมสำหรับคนข้อมือเล็กมากที่สุดก็คือ นาฬิกาแบบกำไล  คุณควรเลือกแบบที่พอดี คือไม่แน่นหรือหลวมจนเกินไป เมื่อใส่แล้วควรเลื่อนขึ้นเลื่อนลงได้สะดวก สำหรับตัวเรือนนั้น สาว ๆ ที่มีข้อมือเล็กควรเลือกนาฬิกาที่มีหน้าปัดแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสหรือแบบวงรี เล็ก เพราะเวลาใส่จะทำให้มีที่เหลือบนข้อมือ ทำให้ข้อมือไม่ดูเล็กเกินไป และที่สำคัญไม่ควรเลือกหน้าปัดแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้า เพราะขนาดตัวเรือนที่ทั้งยาวและใหญ่จะบังพื้นที่บนข้อมือหมด และทำให้ข้อมือดูเล็กกว่าปกติ ส่วนสีของหน้าปัดนั้นควรเลือกโทนสีขาวหรือสีครีม เพราะ จะช่วยให้ข้อมือดูสว่างขึ้น

นาฬิกาแบบกำไร



ผู้หญิงข้อมือใหญ่ 

การเลือกนาฬิกาสามารถเลือกได้ทุกแบบ ถือเป็นข้อดีของสาวข้อมือใหญ่ทีเดียวค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้าปัดสี่เหลี่ยมผืนผ้า จะทำให้ข้อมือใหญ่ ๆ ของคุณดูสวยเรียวงามเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าสาวคนไหนเป็นสปอร์ตเกิร์ลละก็  ขอแนะนำให้เลือกใส่ขนาดเดียวกับของหนุ่มๆ ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 40 มม. เพียงแต่ต้องเลือกแบบให้เหมาะสมกับบุคลิกและการแต่งตัวด้วยเท่านั้น 







ลดพุงง่ายๆด้วย 10 วิธีเริดๆ

      

"อยากมีหน้าท้องแบน ราบเรียบเหมือนนางแบบคนนี้จังเลย" นั่นแน่!! เชื่อแน่ว่าสาวๆหลายคนต้องมีความคิดอย่างนี้แน่ๆ เมื่อเปิด magazine แล้วเห็นนางแบบที่หน้าท้องแบน อย่างกับเธอไม่ได้กินอะไรมาแรมปี แล้วก็เกิดความอิจฉาอยากจะเป็นอย่างพวกเธอบ้าง....คุณได้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้เพียงแค่คุณทำตามคำแนะนำกับวิธีง่ายๆในการลดพุงที่เราจัดหามาฝาก...ได้ผลแค่ไหนคุณต้องลองจัดซะ



 1.บอกลาอาหารจังก์ฟู้ดส์ เพราะอาหารจังก์ฟู้ดส์เหล่านี้ มักมีทั้งน้ำตาล และไขมันอิ่มตัวเป็นส่วนประกอบแทบทั้งนั้น


          2.น้ำตาลคือจอมวายร้าย เพราะฉะนั้นเลือกทานอาหารประเภทซูการ์ฟรีซะ มันช่วยทำให้หน้าท้องของคุณลดลงได้


          3.หลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้งขัดขาว ขนมปังขัดขาว พาสต้า โดนัท เค้ก และบิสกิต เพราะอาหารเหล่านี้จะทำให้คุณอ้วนขึ้น แถมยังส่งผลเสียต่อระบบย่อยอาหารด้วย และยังทำให้เกิดไขมันเก็บสะสมในร่างกายอีกต่างหาก


          4.อย่ากินขนมตอนกลางคืน นั่นก็เพราะการรับประทานขนมตอนกลางคืน จะทำให้คุณไม่สามารถเผาผลาญไขมันออกไปได้ เพราะช่วงกลางคืนเราทานแล้วก็นอน แทบไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรที่เผาผลาญพลังงานอีกแล้วนั่นเอง


          5.เปิดไฟนอน เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้มีการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า การนอนหลับในห้องที่เปิดไฟ จะมีช่วยลดความอยากอาหารได้มากกว่านอนในสภาพบรรยากาศมืด ๆ ซึ่งแน่นอนว่า มันเกี่ยวข้องกับขนาด "พุง" ของคุณอย่างไม่ต้องสงสัย


          6.ออกกำลังกายลดความอ้วน คำแนะนำที่ดีที่สุดสำหรับคนที่อยากลดน้ำหนัก กำจัดพุง ก็คือ การออกกำลังกายนี่เอง เพราะมันจะช่วยเผาผลาญไขมัน และน้ำหนักให้คุณได้


          7.ดื่มชาเขียว วันละ 3-4 แก้ว เพราะมันจะช่วยให้การออกซิเดชั่นไขมันดีขึ้น เร่งอัตราการเผาผลาญในร่างกาย แถมยังสามารถลดคอเลสเตอรอลได้อีกต่างหาก


          8.เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการดื่มน้ำผึ้งผสมน้ำมะนาวอุ่น ๆ รับรองว่าเวิร์ก


          9.อย่าปล่อยให้หิว เพราะหากยิ่งปล่อยให้หิว ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความอยากอาหารจะยิ่งหลั่งออกมา และหากคุณกินตามใจฮอร์โมน น้ำหนักเพิ่มขึ้นแน่นอน


          10.ลดทานเค็ม นั่นก็เพราะการทานอาหารรสเค็มจัดเกินไปเป็นสาเหตุให้ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับความอ้วน และน้ำหนักในเด็กผู้หญิงเปลี่ยนแปลงได้


แสงไฟแบบไหนเหมาะใช้อ่านหนังสือ?(อยากรู้เข้ามาอ่านจ้า)

แสงไฟแบบไหนเหมาะใช้อ่านหนังสือ?
เช็ค “แสงไฟ” ในห้องอ่านหนังสือ เลือกใช้ถูกหลักหรือไม่ พร้อมวิธีแก้ไขควรปฏิบัติ ช่วยถนอม “สายตา” บอกลา “อาการตาเพลีย”
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่หลังอ่านหนังสือ มักปวดรอบ ๆ ตา และหน้าผาก ตาพร่ามัว ตาลายเป็นพัก ๆ เคือง แสบ หรือ มีน้ำตาไหลร่วมด้วย นั่นเป็นสัญญาณของอาการ “ตาเพลีย” ซึ่งมักเกิดจากการใช้สายตาขณะแหล่งแสงไม่เพียงพอ ดังนั้น เพื่อดวงตาคู่สวยทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพไปนาน ๆ การเลือกใช้แสงไฟอย่างเหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็น
สำหรับ “แสงจากธรรมชาติ” ควรเลี่ยงแสงสว่างจ้า เพราะจะทำให้สายตาอ่อนล้า หากมืดเกินไปก็เป็นปัจจัยทำสายตาสั้นได้เช่นกัน จึงควรหาโคมไฟติดไว้ เพื่อช่วยปรับแสงให้พอดีกับสภาพแวดล้อมแต่ละวัน
หากเป็น “แสงจากโคมไฟตั้งโต๊ะ” ควรใช้หลอดที่มีแสงสีนวล เลี่ยงแสงสีขาว หรือ เหลืองเกินไป เพราะจะทำให้แสงแยงตา ทั้งนี้ เพื่อการมองตัวหนังสือได้แจ่มชัด แสงที่ตกสะท้อนจากกระดาษไม่ตกเข้าตา ควรจัดวางตำแหน่งโคมไฟให้แสงเข้าด้านข้างซ้ายมือจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ช่วยให้อ่านได้สบายตา และนานขึ้น ทั้งยัง เป็นการลบเงาที่จะเกิดขึ้นด้วย
นอกจากนั้น ควรเลี่ยงอ่านหนังสือในบริเวณที่เป็น “แสงไฟกระพริบ” เพราะจะส่งผลให้ประสาทตาเสียเร็ว เนื่องจากถูกกระตุ้นตามจังหวะกระพริบของแสงนั่นเอง.
ทีมเดลินิวส์ออนไลน์

10 ข้อผิดพลาด เกี่ยวกับการดูแลผิวของสาววัยแรกรุ่น

10 ข้อผิดพลาด เกี่ยวกับการดูแลผิวของสาววัยแรกรุ่น

          ในยุคที่ความสวยยอมกันไม่ได้อย่างทุกวันนี้ ดูเหมือนว่าน้อง ๆ วัยแรกรุ่นจะตื่นตัวกับการดูแลผิวหน้า ผิวกายกันมากขึ้น หลายคนก็เริ่มมองหาครีมบำรุงผิว บางคนก็ถึงกับแต่งหน้าออกจากบ้านเป็นสาวก่อนวัยกันเลยทีเดียว แต่สิ่งหนึ่งที่สาววัยแรกรุ่นลืมตระหนักถึง ก็คือการดูแลผิวอย่างไรให้ถูกต้อง ทำให้น้อง ๆ หลายคนปรนนิบัติผิวกันแบบผิด ๆ ซึ่งก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาผิวพรรณได้ในอนาคต กระปุกดอทคอมวันนี้ก็เลยขอรวบรวมข้อผิดพลาดที่สาววัยแรกรุ่นมักจะทำไปโดยไม่รู้ตัวมาฝากกัน ก่อนที่จะไม่ทันการณ์ ทำผิวเสียไปด้วยความไม่รู้ค่ะ อ๊ะ ว่าแล้วก็อย่าช้า ไปดูกันดีกว่าว่าข้อผิดพลาดนั้นมีอะไรกันบ้าง
          1. น้อง ๆ วัยเริ่มสาวหลายคนไม่รู้สภาพผิวของตัวเองว่าเป็นผิวมัน ผิวผสม หรือผิวแห้ง ก็มักจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ตามคุณแม่หรือเพื่อน ๆ ซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อผิวเอาได้ค่ะ ดังนั้น ก่อนอื่นเลยสาว ๆ ก็ควรจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพผิวของตัวเองเสียก่อน จากนั้นก็ค่อยลองเลือกหาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมาใช้ โดยปรึกษากับเจ้าหน้าที่หรือเภสัชกรก่อนซื้อผลิตภัณฑ์ชิ้นนั้นค่ะ
          2. น้อง ๆ หลายคนเชื่อว่าการทำความสะอาดใบหน้า แค่สบู่ก็เพียงพอแล้ว ซึ่งนี่เป็นความเชื่อที่ผิดถนัดเลยล่ะ ถึงแม้ว่าจะคุ้นชินกับการใช้สบู่มาตั้งแต่เด็กก็เถอะ ตอนนี้เป็นสาวแล้วนะคะ ใบหน้าก็เจอกับแสงแดดและลมมากขึ้นทุกวัน แถมน้อง ๆ บางคนยังแต่งหน้าด้วย ดังนั้นต้องพิถีพิถันกับผลิตภัณฑ์ล้างหน้าด้วยค่ะ แล้วเก็บสบู่ไว้ใช้กับร่างกายเท่านั้น ไม่อย่างนั้นล่ะก็หน้าแห้งตายเลย และนอกจากนี้ยังอาจทำให้ใบหน้าไม่สะอาดก็ได้
          3. ล้างหน้าด้วยโฟมรอบเดียวก็เพียงพอแล้ว นี่อาจจะดีสำหรับน้อง ๆ ที่ไม่ได้แต่งหน้า แต่ถ้าหากต้องแต่งหน้าอ่อน ๆ ออกจากบ้านตามประสาวัยใส อย่าละเลยคลีนเซอร์ล้างเครื่องสำอางค่ะ เพราะจะช่วยทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาดหมดจดได้ โดยล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์ก่อน จากนั้นค่อยล้างอีกครั้งด้วยโฟมล้างหน้าค่ะ
          4. ทาแป้งทั้ง ๆ ที่เป็นคนผิวแห้งสุด ๆ อ๊ะ ๆ อย่าได้เผลอทำเลยนะแบบนี้ ถ้าหากว่าไม่มีการใช้มอยซ์เจอไรเซอร์ลงไปก่อน เพราะการทาแป้งบนใบหน้าที่แห้งจะยิ่งทำให้หน้าแห้งมากขึ้นไปอีก ยิ่งถ้าเป็นหน้าหนาวไม่ต้องพูดถึง ผิวแตกกันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้น น้อง ๆ ควรหามอยซ์เจอไรเซอร์หรือครีมที่ให้ความชุ่มชื้นทาลงไปก่อน จากนั้นจะทาแป้งขนาดไหนก็จัดไปเลย
          5. ไม่ใส่ใจที่จะทาครีมกันแดด สาวหลายคนมักจะคิดว่ายังไม่ถึงวัยที่จะต้องพิถีพิถันกับผิวหน้าตัวเองถึงกับกลัวแสงแดดตลอดเวลาอยู่อย่างนั้น แต่การเริ่มต้นตั้งแต่เนิ่น ๆ สามารถป้องกันปัญหาผิวหน้าหลาย ๆ อย่างได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น กระ ฝ้า หรือจุดด่างดำต่าง ๆ ดังนั้น เริ่มใช้ครีมกันแดดก่อนออกแดดทุกครั้งเลยนับตั้งแต่ตอนนี้ ดีกว่ามีกระมีฝ้าแล้วมาหายาทาเอาทีหลัง บางทีก็ไม่ทันนะคะ
          6. นิยมของถูก การซื้อของใช้ราคาประหยัดนั้นเป็นสิ่งที่ดีค่ะ แต่ขอยกเว้นให้กับเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสักหน่อย ไม่ว่าจะเป็นครีม โลชั่น หรือลิปสติกและเมคอัพบนใบหน้าเลยทีเดียว ขอให้เน้นคุณภาพเป็นอย่างแรกเลยค่ะ ศึกษาให้ดี ๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ กะใช้ของถูกแล้วถ้าหน้าพังขึ้นมาไม่คุ้มกันนะเออ
          7. เน้นบำรุงผิวหน้า ละเลยคอ ฮั่นแน่ พูดไปก็เข้าตัวน้อง ๆ หลายคนเลยทีเดียว ประเภทเน้นบำรุงเฉพาะผิวหน้าให้ใสเด้ง แต่ปล่อยลำคอให้เป็นคนละโทนสี และไม่มีความชุ่มชื้นเอาซะเลยแบบนี้ มาเริ่มต้นบำรุงทั้งใบหน้าทั้งคอไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าค่ะ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับส่วนลำคอนี้อาจจะเป็นตัวเดียวกับที่ใช้กับผิวหน้าก็ได้ หรืออาจเป็นโลชั่นบำรุงผิวก็ดีค่ะ
          8. ใช้ครีมป้องกันและลดเลือนริ้วรอยแต่เนิ่น ๆ เข้าใจว่าผู้หญิงเราไม่ว่าจะวัยไหนก็ย่อมกลัวแก่ด้วยกันทั้งนั้น แต่อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไปตั้งแต่ยังวัยรุ่นเลยค่ะ มันยังไม่ปรากฎบนใบหน้าได้ง่าย ๆ หรอก ในช่วงวัยนี้ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการลดเลือนริ้วรอยเลยค่ะ ไม่จำเป็นเลย ควรเน้นผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นจะดีที่สุด เพราะถ้าหากผิวหน้าเรามีความชุ่มชื้น ก็จะแก่ยาก ริ้วรอยเกิดยากค่ะ
          9. ชอบกินฟาสต์ฟู้ด สูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ น้อง ๆ คนไหนที่เผลอทำพฤติกรรมที่ว่ามานี้ไป เตรียมตัวแก่ก่อนวัยได้เลยจ้า เพราะทั้งสามอย่างนี้เป็นปัจจัยทำลายความเต่งตึงของผิวตัวดีเลยล่ะ ดังนั้นใครกำลังเผลอพลาดไปแล้ว หรือคิดจะสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ลองคิดใหม่ก็ดีนะจ๊ะ
          10. ชอบนอนดึก ไม่ว่าจะเพราะมัวแต่แชท หรือเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์กอยู่ก็เถอะ รู้หรือไม่ว่าการไม่ยอมนอนแล้วเอาเวลามานั่งแฮปปี้มีความสุขทำอะไรเรื่อยเปื่อยไปตอนดึก ๆ ไม่สามารถทดแทนการนอนหลับพักผ่อนได้เลยค่ะ เพราะถึงแม้ว่าจะรู้สึกไม่ง่วงอย่างไร แต่ก็ควรนอนแต่หัวค่ำและนอนหลับให้เพียงพอนะคะ เพื่อที่ผิวพรรณจะได้พักผ่อนฟื้นฟูตัวเองเต็มที่ ไม่เกิดปัญหาผิวหน้าได้อย่างง่าย ๆ แน่นอน
          และนี่ก็คือข้อผิดพลาดทั้ง 10 ข้อ ที่สาววัยแรกรุ่นมักจะพลาดกัน ก็เลยทำให้เกิดปัญหาผิวบ้างล่ะ หรือไม่พอใจกับสภาพผิวตัวเองบ้างล่ะ เอ้า ก็หวังว่าคราวนี้คงจะทำให้น้อง ๆ หลายคนได้เข้าใจเรื่องราวของการดูแลผิวกันมากขึ้น และดูแลผิวกันอย่างถูกต้องนะคะ