Homebright

Bright

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะค่ะ:D
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สิ่งที่คุณผู้หญิง นั้นสามารถ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สิ่งที่คุณผู้หญิง นั้นสามารถ แสดงบทความทั้งหมด

วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

มาทำ "เชือกคาดผมดอกไม้" ใส่อินเทรนด์ กันดีกว่า!!!


เรามาทำ "เชือกคาดผมดอกไม้" แบบง่ายๆ ใส่เล่นกันดีกว่า
เริ่มด้วยการเตรียมอุปกรณ์ กันก่อนเลยค๊า...
1. เชือกป่าน (พระเอกของงานนี้เลยน๊า)
2. กาวร้อน (หรือจะเป็นด้าย มาเย็บติดไปเลย)
3. กรรไกร หรือ มีดคัตเตอร์
4. อุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ เช่น ดอกไม้ นกสำลี


วีธีการทำก็ไม่ยากเลยคะ
1. นำเชือกมา ให้ความยาวประมาณ 2 รอบของศรีษะเรา ผูกปลายเชือกให้เป็นปม ทั้งสองด้าน
ถ้าต้องการให้เป็นแบบเปีย ก็สามารถถักให้เป็นเปียตามต้องการ เช่น ใช้เชือกต่างสีกัน 3 เส้น ถักให้เป็นอันเดียวกัน หรือจะเป็นเชือก 2 เส้น พันกันไปมา ก็ไม่ว่ากัน

2. เลือกดอกไม้กระดาษสา, ดอกไม้เชือก, ดอกไม้หประดิษฐ์ หรือ นกสำลี เลือกตามใจชอบ (ต้องเล็กสะนิดหนึ่งนะ อย่าใหญ่ มันจะหนัก และอาจจะเว่อร์เกิ๊น) นำมาติดที่เชือก ที่เตรีมไว้ โดยแปะ ไว้ที่ช่วงกึ่งกลางของเชือก ประมาณสัก 4-6 ชิ้น โดยเว้นระยะให้พอเหมาะ ไม่ให้เกินกึ่งกลางของเชือก

เชือกที่ถักไว้

ดอกไม้ประดิษฐ์ต่างๆ

นกสำลี

เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จแล้วคะ
เห็นม๊า... ไม่ยากเลย แค่นี้เราก็มี เชือกคาดผมจากฝีมือเราเองแล้ว
สวยแบบไม่ต้องซ้ำกับใครด้วย

สวยเก๋กับ ผ้าพันคอ เคล็ดลับเริ่ดไม่ซ้ำ 7 วัน 7 สไตล์


แฟชั่นผ้าพันคอ สวยไม่ซ้ำ 7 วัน 7 สไตล์
ผ้าพันคอเป็นแอคเซสเซอรี่ชิ้นง่ายๆที่จับมามิกซ์แอนด์แมตซ์แล้วทำให้สาวๆ ดูอินเทรนด์ขึ้นมาทันที วันนี้สาวๆ จะสวยได้ใน 7 ลุค 7 วัน ด้วยผ้าพันคอผืนเดียวเนี่ยล่ะค่ะ (ไม่ใช่เจ็ดสีเจ็ดศอกนะค้า)
ผ้าพันคอผ้าพันคอ
แบบที่ 1 : ผ้าพันคอผืนสั้นผูกแบบนี้เก๋ค่ะ พับผ้าพันคอทบหนาๆ หน่อย ผูกปมไว้ด้านหลังท้ายทอย ง่ายๆ แค่นี้ก็สวยได้แล้วจ้า…
ผ้าพันคอผ้าพันคอ
แบบที่ 2 : แบบนี้ใช้ผ้าพันคอแบบผืนยาวนะคะ พันทบให้หน้ากว้างประมาณ 2 นิ้ว คาดผมจากด้านหลังมาด้านหน้าแล้วไขว้กัน พันมาไว้ด้านหลังตรงท้ายทอยแล้วผูกปมก็เป็นอันเรียบร้อยแล้วค่ะ

ผ้าพันคอ
แบบที่ 3 : แบบนี้เหมาะกับผ้าพันคอแบบผืนสั้นๆ ทบผ้าผันคอให้ความกว้างประมาณ 1 นิ้ว คาดผ้าพันคอจากด้านหลัง มาผูกปมไว้ด้านหน้า จัดตำแหน่งให้เอียงนิดนึง เพิ่มความน่ารักแอ๊บแบ๊ว

ผ้าพันคอ
แบบที่ 4 : หาผ้าพันคอผืนสั้นๆ ทบผ้าให้หน้ากว้างประมาณ 1 นิ้ว คาดผมจากด้านหลังมาด้านหน้า จับปลายผ้าทั้งสองด้านมาผูกให้เป็นปม ผูกตำแหน่งตรงกลาง จัดแต่งปลายผ้าหน่อยก็จะได้เป็นโบว์น่ารักๆ แบบนี้ค่ะ

ผ้าพันคอผ้าพันคอ
แบบที่ 5 : ผ้าพันคอผืนยาวๆ เอามาคาดเอวแทนเข็มขัดก็เริ่ดค่ะ ผูกเป็นโบว์แล้วไว้ตำแหน่งเฉียงๆ หน่อย แบบในภาพ ดูดีมีสไตล์ไปอีกแบบ

ผ้าพันคอผ้าพันคอ
แบบที่ 6 : วันไหนใส่ชุดเรียบๆก็หาผ้าพันคอมาผูกให้ดูกิ๊บเก๋หน่อย จะหาผ้าพันคอแบบผืนสั้น หรือผืนยาวๆก็ได้ ผูกเป็นโบว์เล็กๆ น่ารักๆ

ผ้าพันคอ
แบบที่ 7 : ผ้าพันคอยาวๆก็นำพับหนาๆประมาณ 2-3 นิ้ว คาดไว้ด้านหน้า แล้วผูกปมไว้ที่ผมที่รวบไว้ (ควรรัดผมไว้ก่อนจะช่วยให้ผูกง่ายขึ้น) จะผูกเป็นโบว์อีกที หรือ ปล่อยชายผ้าให้พริ้วไปกับเส้นผม แบบไหนก็ดูดีค่ะ
ภาพประกอบจาก Dahong.co.kr

10 วิธีเดินทางอย่างปลอดภัย ตามสไตล์ผู้หญิง


เดี๋ยวนี้สาวไทยใจกล้า ออกเดินทางแบบตะลุยเดี่ยว หรือไปไหนกันเองเฉพาะสาว ๆ กันมากขึ้น แต่ไม่ว่าจะไปใกล้ไปไกลแค่ไหน สาว ๆ อย่างเราก็มีปัญหากว่าพวกผู้ชายอยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัย การระวังตัวจึงเป็นสิ่งที่พึงกระทำอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางแต่ละครั้ง และนี่เป็นวิธีปฏิบัติง่าย ๆ สำหรับผู้หญิงเดินทาง

1. สวมแหวนไว้ที่นิ้วนางข้างซ้าย แม้คุณจะยังไม่มีชายใดหมายปองก็ตามที แต่นี่เป็นการป้องกันตัวเองอย่างง่าย ๆ จากผู้ชายแปลกหน้าที่จะเข้ามาตอแย เพราะสาวที่มีพันธะแล้ว หนุ่ม ๆ มักลดความสนใจลง แต่อย่าสวมแหวนเพชรเม็ดงามไปล่ะ เพราะจะกลายเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพแทน



2. วัฒนธรรมของแต่ละประเทศย่อมแตกต่างกันไป การเรียนรู้ข้อมูลไปก่อนย่อมสำคัญที่สุด โดยเฉพาะเรื่องภาษา ท่าทาง เพราะผู้ชายบางทีเพียงแค่ทักทาย ยิ้มให้หรือส่งสายตาทักทาย เขาก็อาจตีความไปว่าสาวเจ้าเชื้อเชิญเข้าแล้ว


3. อย่ารับของจากคนแปลกหน้า ว่ากันตั้งแต่อยู่สนามบินเลย ถ้ามีคนฝากโหลดกระเป๋ามากับคุณ อย่าใจดี เพราะเขาอาจแอบยัดของผิดกฎหมายมาด้วย และเมื่ออยู่ระหว่างการเดินทาง อาทิใน ผับ บาร์ ปาร์ตี้ อย่ารับแก้วเครื่องดื่มจากผู้อื่น หรือทิ้งแก้วน้ำของตัวเองไว้ที่โต๊ะ ยานอนหลับ ยาอี หรือสารพัดยา มีโอกาสอยู่ในแก้วนั้น


4. แต่งกายให้เหมาะสม อย่าเปิด อย่าโป๊เกินเหตุ


5. พยายามอยู่ใกล้กลุ่มผู้หญิงด้วยกันไว้ ไม่วาจะอยู่ในร้านอาหาร นั่งรถไฟ รถเมล์ หรือที่สาธารณะ แม้ว่าจะไม่รู้จักพวกเขาก็ตามเถอะ เพราะนี่เป็นการป้องกันตัวเอง ไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตา ทำให้พวกไม่หวังดีเข้าถึงตัวคุณยากขึ้น


6. เดินเหินอย่างมั่นใจ อย่าทำตัวป้ำ ๆ เป๋อ ๆ ละล้าละลัง เพราะจะทำให้พวกผู้ชายรู้อย่างง่ายดายว่าคุณเป็นคนแปลกถิ่น สบช่องโอกาสที่จะมาทำตัวสนิทได้ทันที


7. อย่าเก็บของมีค่าไว้ในกระเป๋าเดียวกัน ควรแบ่งใส่ไว้ในหลายกระเป๋า ถ้าใช้กระเป๋าแบบสะพายก็ควรสะพายมาด้านหน้าให้อยู่ในสายตาเรามากที่สุด


8. หลีกเลี่ยงการไปในที่เปลี่ยวและยามวิกาล


9. ถ้ามีใครมาชนคุณเข้า มีใครทำอะไรหกใส่เสื้อผ้าคุณ หรือมีใครมาถามทาง รวมถึงการถูกห้อมล้อมโดยฝูงชน หรือบรรดาเด็ก ๆ ให้ระวังไว้ เพราะนี่เป็นหนึ่งในเล่ห์กลของมิจฉาชีพ


10. สำคัญที่สุดคือเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง ถ้ารู้สึกไม่ชอบมาพากล ให้รีบพาตัวเองออกมาจากสถานการณ์นั้นทันที อย่ารีรอ เพราะเดี๋ยวจะสายเกินแก้

17 แบบ ตัวอย่างผู้ชายแบบไหน..ที่ไม่ควรเสียเวลาด้วย


17 แบบ ตัวอย่างผู้ชายแบบไหน..ที่ไม่ควรเสียเวลาด้วย
ผู้ชายที่ไม่ควรเสียเวลาด้วย ยังเสียเวลากับผู้ชายแบบนี้อยู่หรือเปล่า ?? 
 
1. ผู้ชายที่คิดว่างานบ้านเป็นเรื่องของผู้หญิงและไม่คิ ดจะช่วย หรือคิดว่าไม่ผิดที่ผู้ชายจะมีกิ๊กหรือชู้ = ต้องโทษประหาร สับแล้วโยนให้เป็ดกิน 

2. มีหนี้ท่วมหัว เป็นหนี้พนันบอล บัตรเครดิตและหนี้อื่นๆ ไม่คิดจะเครียร์หนี้

3. ผู้ชายวัยทำงานที่ยังนั่งเล่นเกมส์เป็นกิจวัตร และไม่ทำกิจกรรมอะไรนอกจากนอนในวันหยุด 

** เราเคยเจอสามีเพื่อน เอาเกมส์ไปต่อกับทีวีห้องพักฟื้น หลังจากเพื่อนเราเพิ่งคลอดลูกอ่ะ เซ็งจริงๆ ผู้ชายแบบนี้อ่ะ ** 

4. ผู้ชายที่อายุมากกว่าแต่ไม่คิดพัฒนาสมอง  (ปัญญาอ่อน)

5. ผู้ชายอายุน้อยกว่า ที่คิดว่าเรามีรายได้มากกว่า และจ้องแต่จะให้เราจ่าย 

6. ไม่พาเราไปแนะนำให้ครอบครัวเค้ารู้จักและไม่เคยพาไปบ้านช่อง เท่ากับว่า คงโกหกอะไรชัวร์ 

7. ผู้ชายที่ไม่แน่ใจตัวเองว่าชอบผู้หญิงรึเปล่า = ประตูหน้า Lock lock lock!! แบบนี้ระวังโรค 

8. ผู้ชายที่มีครอบครัว อ้างว่าแยกกันอยู่แล้ว แต่หย่าไม่ได้ .. ( แถวบ้านเรียกว่าโกหก) = มุขนี้หมาแก่อายุ 35 ขึ้นไปชอบเอาไว้หลอกเด็ก แล้วอย่าหลงกล เอาน้ำร้อนมาราดมันซะ! 

9. ไม่สามารถเสียสละเวลางานเพื่อเราได้ ไม่ว่าเรื่องจะฉุกเฉินแค่ไหน เท่ากับว่า บ้างานแบบนี้จะแต่งกับมันเอาโล่ห์หรอ 

10. ผู้ชายที่ Give silent treatment มีปากแต่ไม่รู้จักใช้พูดเวลาจะปรับความเข้าใจ หรือมีเรื่องทีไร แมร่งง.. เงียบตลอด!! เซ็ง.. 

11. ผู้ชายที่แมนมาก ไม่เดินจับมือ ไม่ช่วยถือของ และเดินนำหน้าผู้หญิงตลอด (ถ้าเราเดินตกท่อมันจะรู้เรื่องมั้ยเนี่ยะ..) 

12. ไม่คิดจะแต่งงานกับเรา ไม่มีการออมเงินเพื่อแต่งงานหรือสร้าง ครอบครัว ไม่เคยคุยกันเรื่องนี้ (ดังนั้น..เลิกกับมันซะ) 

13. ผู้ชายที่คบกับคุณเพราะคุณรวย หวังเงินหรือผลประโยชน์จากคุณและครอบครัวคุณ (ผู้ชายจำพวกนี้ มีเยอะ สมัยนี้..) 

14. ผู้ชายที่ไม่เคารพพ่อแม่คุณ 

15. พูดจาหยาบคายกับคนอื่น แต่พูดดีกับคุณ!! 

16. ผู้ชายที่คอยบอกให้เราไปหาหมอเวลาที่เราป่วย แต่ไม่เคยพาเราไปหาหมอ 

17. ผู้ชายที่ชอบพูดว่าไม่จำเป็นต้องทำดีในวันพิเศษหรอก วันไหนก็ทำได้ ขนาดวันพิเศษมันยังไม่ทำ วันธรรมดาก็อย่าหวัง 555 

แฟนใครเป็นแบบนี้ 5 ข้อขึ้นไป เตรียมตัวเผ่นเถอะค่ะ ควรจะมีคนดูแลคุณและคุณดูแลเค้าได้ดีกว่านี้ค่ะ

นิสัยแย่ๆ (ของผู้หญิง) ที่ผู้ชาย Say No !


นิสัยแย่ๆ (ของผู้หญิง) ที่ผู้ชาย Say No !
เอาแต่ใจ ขี้จุกจิก ขี้งอล ขี้บ่น ชอบเหวี่ยง .. ก็ดูจะเป็นเรื่องธรรมดาของ สาวๆ กันหนิเนอะ !! แต่รู้ไหมจ๊ะสาวๆ ถ้าเป็นมากๆมันก็ไม่ดีนะ เดี๋ยวผู้ชายเขาจะวิ่งหนีหายไปซะก่อน ถ้าไม่อยากโสดนานๆ ขึ้นคานเป็นปีๆ 
ลองมาสแกนตัวเองกันดีกว่า ว่า นิสัยแย่ๆแบบไหน ที่ผู้ชาย Say No!!!
 พูดมากเกิ๊นมีผลการศึกษาจากต่างประเทศเผยให้เห็นว่า ผู้หญิงพูดมากกว่าผู้ชายถึง 3 เท่า!! โดยพวกเธอจะพูดราว 20,000 คำต่อวัน เมื่อเทียบกับผู้ชายที่พูดเพียง 7,000 คำต่อวันเท่านั้น ความจริงมันก็ยอมรับได้อยู่หรอกนะ ถ้าเธออยากจะเล่าเรื่องอะไรให้คุณฟัง แต่ถ้าเกิดพูดเรื่องเดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมาอยู่บ่อย ๆ มันน่าเบื่อเหมือนกันนะ
 เกลียดแฟนเก่าของคุณถึงแม้ว่าคุณกับแฟนเก่าจะจบกันไปนานแล้ว แต่ถ้าเมื่อไหร่คุณเผลอเอ่ยถึงอดีตให้แฟนคนปัจจุบันได้ยินแล้วล่ะก็ เธอมักจะคิดไปเองว่าคุณยังมีเยื่อใยต่อคนในอดีตอยู่ ทั้งที่มันไม่มีอะไรเลยสักนิดเดียว แล้วจากนั้นเธอจะสั่งคุณไม่ให้พูดถึงเรื่องของอดีตแฟนอีก แม้กระทั่งชื่อก็อย่าได้เอ่ยขึ้นมาเลยเชียว
 ปกปิดอดีตของตัวเองในบางครั้งแฟนสาวของคุณชอบมาถามเรื่องราวความรักในอดีตของคุณว่าเป็นมาอย่างไรบ้าง แต่พอคุณเริ่มถามเรื่องอดีตของเธอบ้าง กลับไม่ยอมปริปากพูดออกมาเลย หรือบางครั้งอาจเหวี่ยงใส่อีกต่างหากว่ามาถามทำไม แหมมม แบบนี้ก็ไม่ค่อยแฟร์เท่าไหร่นะ ความจริงแล้วที่ผู้ชายอยากรู้เรื่องราวในอดีตของแฟนสาว ก็เพื่อต้องการเรียนรู้ว่าเธอเป็นคนแบบไหน เจอเหตุการณ์อะไรมาบ้าง ไม่ได้อยากขุดคุ้ยหรือตอกย้ำแผลในใจของเธอสักหน่อย
 สวมเสื้อผ้าของคุณสำหรับคนที่อยู่ด้วยกันกับแฟน หลาย ๆ ครั้ง คุณมักจะพบว่า เสื้อเชิ้ตตัวเก่งของคุณหายไป แล้วบ็อกเซอร์ก็กลายไปเป็นกางเกงนอนของเธอซะงั้น สุดท้ายแล้วตู้เสื้อผ้าก็ไม่ใช่ของคุณอีกต่อไป เราว่าแบบนี้ก็เกินไปนะ อย่างน้อยมันก็เป็นของส่วนตัวของคุณ ที่ไม่ใช่ใครต่อใครจะมาหยิบไปใส่ได้ตามอำเภอใจสักหน่อย
 ไม่ชอบงานอดิเรกของคุณสาว ๆ บางคนมักบ่นเสมอว่า ทำไมหนุ่ม ๆ ชอบออกไปเตะบอล เล่นกอล์ฟ ปั่นจักรยาน หรือทำกิจกรรมอะไรกับก๊วนเพื่อนอยู่บ่อย ๆ เพราะเธอคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ และก็เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์มาก แต่กลับไม่ยักคิดว่าการที่พวกเธอไปจับกลุ่มนั่งเม้าท์ หรือนั่งดูละครน้ำเน่าก็เป็นอะไรที่ไร้สาระเหมือนกัน
 ขี้ระแวงเชื่อได้เลยว่าผู้ชายต้องเจอคำถามยอดนิยมของแฟนอยู่เป็นประจำ เช่น ”คุยโทรศัพท์กับใคร?” “วันนี้ไปส่งใครมา?” “เมื่อคืนแอบหนีไปเที่ยวผับมาหรือเปล่า?” ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมาก หากถูกถามบ่อย ๆ แถมบางครั้งพอตอบไปแล้ว ก็โดนยิงคำถามอื่นตามมาอีกเป็นชุด บอกได้คำเดียว…เพลีย!!
 ชอบถามว่า “ตอนนี้คิดอะไรอยู่?”เอ่อ…ถามมาแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วไม่ได้คิดอะไรเลยสักหน่อย หรือบางครั้งเห็นคุณมีสีหน้าหมองหม่นเหมือนมีเรื่องหนักใจ แต่ที่แท้คุณแค่ปวดท้องอยากถ่ายทุกข์ก็แค่นั้นเอง อย่างไรก็ดี เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงแล้ว เรื่องคิดมาก คิดเอาเอง เป็นของคู่กันอย่างแท้จริง จนบางครั้งคิดไปไกลถึงขั้นคิดว่า คุณเบื่อเธอแล้ว โอ้ มาย ก็อด!! คิดเลยเถิดไปถึงไหนแล้วที่รักกกก
 ขี้บ่นไปซะทุกเรื่องผู้หญิงบางคนบ่นได้บ่นดีไม่มีที่สุด ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็เก็บมาสาธยายให้ฟัง โดยเฉพาะเรื่องเสื้อผ้าและน้ำหนัก เช่น ”ทำไงดีล่ะตัวเอง เค้าไม่มีเสื้อผ้าจะใส่แล้วนะ สงสัยต้องพาไปซื้อชุดใหม่แล้วล่ะ” ทั้งที่ความจริงไอ้ที่แขวนอยู่ในตู้เสื้อผ้าก็ยังใส่ไม่ครบเลย หรือไม่ก็บ่นว่า ”ที่รักดูสิน้ำหนักเค้าเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ทำไมถึงอ้วนขึ้นได้ก็ไม่รู้” แต่มือยังถือถุงขนมอยู่เลย แล้วจะบ่นทำไมล่ะหนอ
ถึงจะดู จู้จี้ ขี้บ่น เอาแต่ใจ .. อะไรก็แล้วแต่สาวๆก็เพลาๆลงบ้างก็ดีนะจ๊ะ เดินมาหากันคนละครึ่งทางก๋ยังดี ไม่ใช่ให้ฝ่ายชายง้อลูกเดียว แต่!หนุ่มๆก็อย่าเล่นตัวมากนักนะ รู้ไว้ซะ ผู้หญิงงอน ผู้หญิงจุกจิก เรื่องของเรา แสดงว่าเขาใส่ใจ และรักคุณจริงๆ ถ้าไม่รักเขาจะไม่ทำกับคุณแบบนั้นหรอก ^^
ขอบคุณข้อมูล Fwmailhttp://teen.mthai.com/love/36211.html

วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2555

10 ข้อผิดพลาด เกี่ยวกับการดูแลผิวของสาววัยแรกรุ่น

10 ข้อผิดพลาด เกี่ยวกับการดูแลผิวของสาววัยแรกรุ่น

          ในยุคที่ความสวยยอมกันไม่ได้อย่างทุกวันนี้ ดูเหมือนว่าน้อง ๆ วัยแรกรุ่นจะตื่นตัวกับการดูแลผิวหน้า ผิวกายกันมากขึ้น หลายคนก็เริ่มมองหาครีมบำรุงผิว บางคนก็ถึงกับแต่งหน้าออกจากบ้านเป็นสาวก่อนวัยกันเลยทีเดียว แต่สิ่งหนึ่งที่สาววัยแรกรุ่นลืมตระหนักถึง ก็คือการดูแลผิวอย่างไรให้ถูกต้อง ทำให้น้อง ๆ หลายคนปรนนิบัติผิวกันแบบผิด ๆ ซึ่งก็อาจจะทำให้เกิดปัญหาผิวพรรณได้ในอนาคต กระปุกดอทคอมวันนี้ก็เลยขอรวบรวมข้อผิดพลาดที่สาววัยแรกรุ่นมักจะทำไปโดยไม่รู้ตัวมาฝากกัน ก่อนที่จะไม่ทันการณ์ ทำผิวเสียไปด้วยความไม่รู้ค่ะ อ๊ะ ว่าแล้วก็อย่าช้า ไปดูกันดีกว่าว่าข้อผิดพลาดนั้นมีอะไรกันบ้าง
          1. น้อง ๆ วัยเริ่มสาวหลายคนไม่รู้สภาพผิวของตัวเองว่าเป็นผิวมัน ผิวผสม หรือผิวแห้ง ก็มักจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ตามคุณแม่หรือเพื่อน ๆ ซึ่งอาจจะส่งผลเสียต่อผิวเอาได้ค่ะ ดังนั้น ก่อนอื่นเลยสาว ๆ ก็ควรจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพผิวของตัวเองเสียก่อน จากนั้นก็ค่อยลองเลือกหาผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมาใช้ โดยปรึกษากับเจ้าหน้าที่หรือเภสัชกรก่อนซื้อผลิตภัณฑ์ชิ้นนั้นค่ะ
          2. น้อง ๆ หลายคนเชื่อว่าการทำความสะอาดใบหน้า แค่สบู่ก็เพียงพอแล้ว ซึ่งนี่เป็นความเชื่อที่ผิดถนัดเลยล่ะ ถึงแม้ว่าจะคุ้นชินกับการใช้สบู่มาตั้งแต่เด็กก็เถอะ ตอนนี้เป็นสาวแล้วนะคะ ใบหน้าก็เจอกับแสงแดดและลมมากขึ้นทุกวัน แถมน้อง ๆ บางคนยังแต่งหน้าด้วย ดังนั้นต้องพิถีพิถันกับผลิตภัณฑ์ล้างหน้าด้วยค่ะ แล้วเก็บสบู่ไว้ใช้กับร่างกายเท่านั้น ไม่อย่างนั้นล่ะก็หน้าแห้งตายเลย และนอกจากนี้ยังอาจทำให้ใบหน้าไม่สะอาดก็ได้
          3. ล้างหน้าด้วยโฟมรอบเดียวก็เพียงพอแล้ว นี่อาจจะดีสำหรับน้อง ๆ ที่ไม่ได้แต่งหน้า แต่ถ้าหากต้องแต่งหน้าอ่อน ๆ ออกจากบ้านตามประสาวัยใส อย่าละเลยคลีนเซอร์ล้างเครื่องสำอางค่ะ เพราะจะช่วยทำความสะอาดใบหน้าให้สะอาดหมดจดได้ โดยล้างหน้าด้วยคลีนเซอร์ก่อน จากนั้นค่อยล้างอีกครั้งด้วยโฟมล้างหน้าค่ะ
          4. ทาแป้งทั้ง ๆ ที่เป็นคนผิวแห้งสุด ๆ อ๊ะ ๆ อย่าได้เผลอทำเลยนะแบบนี้ ถ้าหากว่าไม่มีการใช้มอยซ์เจอไรเซอร์ลงไปก่อน เพราะการทาแป้งบนใบหน้าที่แห้งจะยิ่งทำให้หน้าแห้งมากขึ้นไปอีก ยิ่งถ้าเป็นหน้าหนาวไม่ต้องพูดถึง ผิวแตกกันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ดังนั้น น้อง ๆ ควรหามอยซ์เจอไรเซอร์หรือครีมที่ให้ความชุ่มชื้นทาลงไปก่อน จากนั้นจะทาแป้งขนาดไหนก็จัดไปเลย
          5. ไม่ใส่ใจที่จะทาครีมกันแดด สาวหลายคนมักจะคิดว่ายังไม่ถึงวัยที่จะต้องพิถีพิถันกับผิวหน้าตัวเองถึงกับกลัวแสงแดดตลอดเวลาอยู่อย่างนั้น แต่การเริ่มต้นตั้งแต่เนิ่น ๆ สามารถป้องกันปัญหาผิวหน้าหลาย ๆ อย่างได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็น กระ ฝ้า หรือจุดด่างดำต่าง ๆ ดังนั้น เริ่มใช้ครีมกันแดดก่อนออกแดดทุกครั้งเลยนับตั้งแต่ตอนนี้ ดีกว่ามีกระมีฝ้าแล้วมาหายาทาเอาทีหลัง บางทีก็ไม่ทันนะคะ
          6. นิยมของถูก การซื้อของใช้ราคาประหยัดนั้นเป็นสิ่งที่ดีค่ะ แต่ขอยกเว้นให้กับเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสักหน่อย ไม่ว่าจะเป็นครีม โลชั่น หรือลิปสติกและเมคอัพบนใบหน้าเลยทีเดียว ขอให้เน้นคุณภาพเป็นอย่างแรกเลยค่ะ ศึกษาให้ดี ๆ ก่อนตัดสินใจซื้อ กะใช้ของถูกแล้วถ้าหน้าพังขึ้นมาไม่คุ้มกันนะเออ
          7. เน้นบำรุงผิวหน้า ละเลยคอ ฮั่นแน่ พูดไปก็เข้าตัวน้อง ๆ หลายคนเลยทีเดียว ประเภทเน้นบำรุงเฉพาะผิวหน้าให้ใสเด้ง แต่ปล่อยลำคอให้เป็นคนละโทนสี และไม่มีความชุ่มชื้นเอาซะเลยแบบนี้ มาเริ่มต้นบำรุงทั้งใบหน้าทั้งคอไปพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าค่ะ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับส่วนลำคอนี้อาจจะเป็นตัวเดียวกับที่ใช้กับผิวหน้าก็ได้ หรืออาจเป็นโลชั่นบำรุงผิวก็ดีค่ะ
          8. ใช้ครีมป้องกันและลดเลือนริ้วรอยแต่เนิ่น ๆ เข้าใจว่าผู้หญิงเราไม่ว่าจะวัยไหนก็ย่อมกลัวแก่ด้วยกันทั้งนั้น แต่อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไปตั้งแต่ยังวัยรุ่นเลยค่ะ มันยังไม่ปรากฎบนใบหน้าได้ง่าย ๆ หรอก ในช่วงวัยนี้ไม่ควรใช้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับการลดเลือนริ้วรอยเลยค่ะ ไม่จำเป็นเลย ควรเน้นผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื้นจะดีที่สุด เพราะถ้าหากผิวหน้าเรามีความชุ่มชื้น ก็จะแก่ยาก ริ้วรอยเกิดยากค่ะ
          9. ชอบกินฟาสต์ฟู้ด สูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ น้อง ๆ คนไหนที่เผลอทำพฤติกรรมที่ว่ามานี้ไป เตรียมตัวแก่ก่อนวัยได้เลยจ้า เพราะทั้งสามอย่างนี้เป็นปัจจัยทำลายความเต่งตึงของผิวตัวดีเลยล่ะ ดังนั้นใครกำลังเผลอพลาดไปแล้ว หรือคิดจะสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ ลองคิดใหม่ก็ดีนะจ๊ะ
          10. ชอบนอนดึก ไม่ว่าจะเพราะมัวแต่แชท หรือเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์กอยู่ก็เถอะ รู้หรือไม่ว่าการไม่ยอมนอนแล้วเอาเวลามานั่งแฮปปี้มีความสุขทำอะไรเรื่อยเปื่อยไปตอนดึก ๆ ไม่สามารถทดแทนการนอนหลับพักผ่อนได้เลยค่ะ เพราะถึงแม้ว่าจะรู้สึกไม่ง่วงอย่างไร แต่ก็ควรนอนแต่หัวค่ำและนอนหลับให้เพียงพอนะคะ เพื่อที่ผิวพรรณจะได้พักผ่อนฟื้นฟูตัวเองเต็มที่ ไม่เกิดปัญหาผิวหน้าได้อย่างง่าย ๆ แน่นอน
          และนี่ก็คือข้อผิดพลาดทั้ง 10 ข้อ ที่สาววัยแรกรุ่นมักจะพลาดกัน ก็เลยทำให้เกิดปัญหาผิวบ้างล่ะ หรือไม่พอใจกับสภาพผิวตัวเองบ้างล่ะ เอ้า ก็หวังว่าคราวนี้คงจะทำให้น้อง ๆ หลายคนได้เข้าใจเรื่องราวของการดูแลผิวกันมากขึ้น และดูแลผิวกันอย่างถูกต้องนะคะ 

วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

เคล็ดลับดูแลผมทำสี

เคล็ดลับดูแลผมทำสี
เคล็ดลับสำหรับสาวๆ ที่อาจจะเพิ่งเริ่มทำสีผม ลองอ่านดูจ๊า
เริ่มแรกเลยนะคะ หลังจากที่เราทำสีผมไปเรียบร้อยแล้ว อันดับแรกควรงดการสระผมอย่างน้อย 2 วัน เพราะว่าน้ำสามารถทำให้สีผมหลุดลอกออกไปได้ และอีกอย่างคือ ไม่ควรจะสระผมบ่อยจนเกินไป เนื่องจากเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สีผมหลุดลอก เพราะฉะนั้นแนะนำว่า วันหนึ่งไม่ควรสระผมมากเกินกว่า 1 ครั้ง และควรที่จะใช้ยาสระผมที่ออกแบบมาเพื่อผมทำสีโดยเฉพาะ จะเป็นอะไรที่เข้ากับเส้นผมของเรามากกว่า
และอีกสิ่งหนึ่งที่ควรหลีกเลี่ยงคือความร้อน เนื่องจากผมทำสี อาจจะทำให้เกล็ดผมของเราโดนทำลาย ดังนั้นถ้าจะไดร์ผมหรือม้วนผม ควรหาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปกป้องความร้อนแก่เส้นผม ผมจะได้ไม่ถูกทำลายมากขึ้น ที่สำคัญควรหมั่นอบไอน้ำ เพราะการอบไอน้ำเป็นการบำรุงผมด้วยสารบำรุงที่สามารถแทรกซึมเข้าไปถึงโซน เกล็ดผมที่ช่วยบำรุงชั้นเซราไมด์ตามธรรมชาติให้คืนความนุ่มลื่นและทำให้ เกล็ดผมปิดและเรียงตัวกันได้ดีขึ้นคะ
ขอขอบคุณแฮร์สไตลิสท์
คุณน้อง – ฉวีวรรณ เหมะอุรินทร์ จากร้าน Monsier By P’ Mice / โทร.089-161-8824

วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2554

มาใส่บราให้ถูกวิธีเพื่อหน้าอกสวยกันเถอะ!!

ก่อนใส่ปรับสายบราให้พอดีกับช่วงไหล่และปรับระดับสายบราทั้งสองข้าง
ให้เท่ากันโดยลองเอามาคล้องที่แขนก่อน


แขวนสายบราไว้ที่ไหล่แล้วโน้มตัวลงไปข้างหน้าให้มากๆมาก
จับคัพบราให้เข้ากับหน้าอก



เอื้อมมือมาด้านหลังเพื่อติดตะขอ 
ระหว่างติดตะขอควรค้างอยู่ในท่าก้มตัวเหมือนเดิม


ใช้ฝ่ามือพยายามโกยเนื้อหน้าอกแล้วดันให้เข้ามาอยู่ในคัพบราให้หมด


โกยเนื้อหน้าอกโดยเฉพาะเนื้อล้นๆด้านข้างลำตัวบริเวณใต้รักแร้ 
จะช่วยรักษารูปทรงหน้าอกให้สวยงามได้แถมทำให้มีเนื้อหน้าอกมากขึ้น 
(เลือกบราที่มีขอบด้านข้างช่วยกันไม่ให้เนื้อหน้าอกไหลไปด้านข้างระหว่างวัน)
55555 จขกท.ก็ไม่มีให้โกยเหมือนกัน

ทดสอบขนาดบราว่าพอดีกับเรารึเปล่าด้วยการสอดนิ้วชึ้เข้าไปดังรูป
ควรจะสอดได้พอดีไม่แน่นไม่หลวมเกินไป


เช็คอีกครั้งด้วยการส่องกระจกดูว่าหน้าอกสองข้างอยู่ในระดับเดียวกันไม๊
ปรับสายบราให้พอดีเป็นอันว่าเสร็จค่ะ 

วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

มื้อดึกกับ เมนูอาหาร จานง่าย สบายท้อง

เมนุอาหาร กวยจั๊บญวน

มื้อดึกกับเมนูจานง่าย อิ่มเบาสบายท้องเมนูคุ้นตากับเคล็ดลับที่ไม่ยุ่งยาก (Lisa)

          สูตรอร่อยประจำร้านที่เน้นปรุงเร็ว อร่อยเร็ว และรสชาติทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นเมนูก๋วยเตี๋ยวนานาชนิดกับน้ำซุปที่อร่อยแบบไม่ต้องปรุง เมนูของว่าง รับประทานง่ายสำหรับช่วงเวลาเร่งด่วน บรรยากาศนั่งสบายทั้งในและนอกร้าน อิ่มท้องได้ทุกเวลา เช้าตรู่ หรือก่อนเข้านอนกับเมนูที่ปรุงง่ายทำได้เอง

เมนุอาหาร ข้าวต้มกุ้ง

ข้าวต้มกุ้ง

          ถ้ารีบรับประทานก็ใช้ข้าวสุกแทนข้าวสารแต่จะไม่อร่อยเท่า

          ส่วนผสมสำหรับ 1-2 ที่

          ข้าวสาร 1 ถ้วย กุ้งสดแกะเปลือก 150 กรัม น้ำ 2 ถ้วย ตังฉ่าย 1 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 2-3 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา ผงซุป 1 ช้อนโต๊ะ กระเทียมสด 3-4 กลีบ ขึ้นฉ่ายหั่นหยาบ 1 ต้น น้ำมันกระเทียมเจียว 3 ช้อนโต๊ะ พริกไทยดำป่นตามชอบ

 วิธีทำ

           1. ต้มน้ำกับกระเทียมบุบและผงซุป พอน้ำเดือดใส่ข้าวสารแล้วเคี่ยวไปเรื่อย ๆ จนเมล็ดข้าวสุกบาน จากนั้น ใส่ตังฉ่ายและเนื้อกุ้ง เดือดดีแล้วปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวและน้ำตาลทรายเล็กน้อย ชิมรส

           2. ใส่ใบขึ้นฉ่ายแล้วยกขึ้นจากเตา ตักใส่ถ้วย เติมน้ำมัน กระเทียมเจียว และโรยพริกไทย พร้อมเสิร์ฟ

          เวลาในการปรุง 25 นาที

          ส่วนผสมราคาประมาณ 180 บาท

เมนุอาหาร บะหมี่ซีฟู้ด

บะหมี่ซีฟู้ด

          ใช้กระดูกและหัวปลาเคี่ยวน้ำซุปได้รสอร่อยเข้มข้น

          ส่วนผสมสำหรับ 1-2 ที่

          บะหมี่ 2-3 ก้อน เนื้อซีฟู้ดต่าง ๆ หั่นชิ้นพอดีดำ 250 กรัม เห็ดหูหนูและผักสดตามชอบ ต้นหอมซอยเล็กน้อย น้ำจิ้มแจ่วพริกคั่ว 

          เครื่องปรุงน้ำซุป หัวและก้างปลา 100 กรัม ขึ้นฉ่ายหั่นท่อน 2 ต้น พริกไทยเม็ดบุบ 1 ช้อนชา แครอตหั่นชิ้น 2 หัว ผักกาดหั่นชิ้น 1 หัว กะหล่ำปลีหั่น 4 ส่วน 1 หัวเล็ก หัวหอมหัวใหญ่หั่นครึ่ง 1 หัว ขิงบุบ 2 แง่ง น้ำต้มสุก 5 ถ้วย เกลือ 1 ช้อนชา น้ำตาลอ้อย 1 ช้อนโต๊ะ

 วิธีทำ

           1.ต้มน้ำพอเดือดใส่เครื่องปรุงน้ำซุปแล้วปรุงรสตามชอบ จากนั้น หรี่ไฟลงและเคี่ยวต่อไปเรื่อย ๆ ประมาณ 20-30 นาที แล้วกรองเอาแต่น้ำซุป

           2. ลวกเส้นบะหมี่จัดใส่ถ้วยพร้อมซีฟู้ดต่าง ๆ ที่ลวกจนสุกดีแล้ว ตักน้ำซุปใส่ลงในถ้วย โรยต้นหอมซอย เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแจ่ว

          เวลาในการปรุง 25 นาที

          ส่วนผสมราคาประมาณ 190 บาท

เมนุอาหาร สลัดซีซาร์

สลัดซีซาร์

          กินผักสดสบายท้อง น้ำสลัดกินง่ายปรุงเองตามชอบ

          ส่วนผสมสำหรับ 1-2 ที่

          ผักสลัดใบเขียวตามชอบ 150 กรัม มะเขือเทศราชินี 50 กรัม เบคอนทอดกรอบ 50 กรัม ขนมปังกรอบครูตองส์กระเทียม เครื่องเทศ Garlic-Herb Butter Croutons 50 กรัม น้ำมันมะกอก 1 ถ้วย ชีสพาร์มีซาน 30 กรัม ไข่ต้ม 1 ฟอง หัวหอมแดง/หัวหอมใหญ่ซอย 1 ช้อนโต๊ะ น้ำสลัดซีซาร์ตามชอบ
เครื่องปรุงน้ำสลัดซีซาร์

          ชีสพาร์มีซาน 2 ช้อนโต๊ะ กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนชา น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ พริกไทยดำบดหยาบตามชอบ ไข่แดง 2 ฟอง เกลือเล็กน้อย

 วิธีทำ

           1. ตีส่วนผสมเครื่องปรุงของน้ำสลัดทั้งหมดเข้าด้วยกัน เติมน้ำมันมะกอกแล้วคนให้เข้ากันอีกครั้ง ถ้าชอบกลิ่นปลาแองโชวี่ก็สามารถสับลงไปผสมได้

           2. จัดผัก มะเขือเทศ และเครื่องปรุงสลัดต่าง ๆ ใส่จานราดน้ำสลัดให้ทั่ว โรยหัวหอมแดงซอย พร้อมเสิร์ฟ

          เวลาในการปรุง 25 นาที

          ส่วนผสมราคาประมาณ 190 บาท

เมนุอาหาร กวยจั๊บญวน

กวยจั๊บญวน

          ได้รสกระดูกหมู ตัวเส้นสุกง่าย ปรุงเร็วอิ่มท้องทันใจ

          ส่วนผสมสำหรับ 1-2 ที่

          เส้นกวยจั๊บญวนแห้ง 150 กรัม กระดูกหมูหั่นท่อน 200 กรัม กุ้งลวก 100 กรัม หมูยอหั่นเป็นเส้น 4-5 ชิ้น หัวหอมเจียว 2 ช้อนโต๊ะ ต้นหอมและผักชีซอย 1-2 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 2-3 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ ผงปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ น้ำ 2-3 ถ้วย

 วิธีทำ
           1. ต้มกระดูกหมูจนเปื่อยดีแล้วปรุงรสตามชอบ จากนั้น ใส่เส้นกวยจั๊บต้มต่อจนน้ำซุปเดือดและข้นดีแล้วชิมรส

           2. ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยหมูยอหั่นเส้น กุ้งลวก หัวหอมเจียว ต้นหอม และผักชีซอย พร้อมเสิร์ฟ

          เวลาในการปรุง 15 นาที

          ส่วนผสมราคาประมาณ 150 บาท

แซนด์วิชชุบไข่ทอด

แซนด์วิชชุบไข่ทอด

          เมนูปรุงง่ายใช้ไก่ต้มฉีกแทนได้เช่นกัน

          ส่วนผสมสำหรับ 1-2 ที่

          ขนมปังปอนด์ 4-6 แผ่น เนยละลาย 2 ช้อนโต๊ะ นมข้นจืด ? ถ้วย ไข่ไก่ 1-2 ฟอง เนื้อปลาทูน่าในน้ำแร่ 1 กระป๋อง น้ำสลัด/มายองเนส 3-4 ช้อนโต๊ะ เกลือและพริกไทยเล็กน้อย

 วิธีทำ

           1. ตอกไข่ใส่ถ้วยพร้อมเนยเหลวและนมข้นจืด ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยตีให้เข้ากันเตรียมไว้ กรองน้ำออกจากเนื้อทูน่าจนแห้งแล้วนำไปคลุกกับน้ำสลัด/มายองเนส

           2. จากนั้น นำไปเกลี่ยลงบนแผ่นขนมปังให้ทั่วปิดประกบด้วยขนมปังอีกแผ่นแล้วนำไปชุบไข่ที่เตรียมไว้ให้ทั่วแผ่น นำไปทอดจนสุกจนเป็นสีเหลืองทอง จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

          เวลาในการปรุง 10 นาที

          ส่วนผสมราคาประมาณ 130 บาท